tag:blogger.com,1999:blog-8683740389380467242024-02-20T18:53:22.811-08:00จังหวัดกำแพงเพรชGujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.comBlogger50125tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-57210903699500423192009-03-29T18:00:00.004-07:002009-03-30T10:29:48.792-07:00 <table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr> <td> <table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr> <td><span class="style27">จังหวัดลพบุรี :: สถานที่ท่องเที่ยว อำเภอเมือง </span></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p><strong>พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช</strong><br />ตั้งอยู่กลางวงเวียนเทพสตรีใกล้ศาลากลางจังหวัดลพบุรี บริเวณหัวถนนนารายณ์มหาราชก่อนเข้าสู่ย่านตัวเมือง อนุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็นรูปปั้นในท่าประทับยืนผินพระพักตร์ไป ทางทิศตะวันออก พระหัตถ์ขวาทรงพระแสงดาบ ก้าวพระบาทซ้ายออกมาข้างหน้าเล็กน้อย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงประกอบพิธีเปิดเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2509 ที่ฐานอนุสาวรีย์ได้จารึกข้อความว่า “สมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระมหากษัตริย์ไทยผู้ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่ง ทรงพระราชสมภพ ณ กรุงศรีอยุธยา พ.ศ. 2175 สวรรคต ณ เมืองลพบุรี เมื่อ พ.ศ. 2231 พระองค์ทรงมีพระบรมราชกฤษดาภินิหารเป็นอย่างยิ่ง” </p><p>ในรัชสมัยของพระองค์ วรรณคดีและศิลปะของไทยได้เจริญถึงขีดสูงสุด มีสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศอย่างกว้างขวาง เกียรติคุณของประเทศไทยแผ่ไพศาลเป็นอย่างยิ่ง </p><p>ด้วยความสำนึกในพระมหา กรุณาธิคุณ ประชาชนชาวไทยได้ร่วมกันสร้าง และประดิษฐานอนุสาวรีย์นี้ไว้ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2509 </p><p><strong>สระแก้ว</strong><br />ตั้งอยู่กลางวงเวียนศรีสุริโยทัย หรือวงเวียนสระแก้ว ถนนนารายณ์มหาราช เป็นสระน้ำขนาดใหญ่กลางสระมีสถาปัตยกรรมรูปร่างคล้ายเทียนขนาดยักษ์ ตั้งอยู่บนพานขนาดใหญ่รอบขอบพานประดับเครื่องหมายประจำกระทรวงต่าง ๆ มีสะพานเชื่อมถึงกันโดยรอบทั้ง 4 ทิศ ที่เชิงสะพานมีคชสีห์ในท่านั่งหมอบเป็นยามอยู่สะพานละ 2 ตัว </p><p><strong>สวนสัตว์สระแก้วลพบุรี</strong><br />ตั้งอยู่หลังโรงภาพยนต์ทหารบก สวนสัตว์แห่งนี้สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2483 สมัยที่จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นได้มุ่งพัฒนาเมืองลพบุรีให้เป็นเมืองสำคัญ โดยได้ก่อสร้างสิ่งต่าง ๆ มากมายรวมทั้งสวนสัตว์แห่งนี้ด้วย ต่อมาเมื่อสิ้นยุคสมัยของจอมพล ป.พิบูลสงคราม สวนสัตว์ก็พลอยถูกทอดทิ้งและร้างไปในที่สุด </p><p>ต่อมาในปี พ.ศ. 2520 ศูนย์สงครามพิเศษ ซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่สวนสัตว์ได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งชมรม สโมสร พ่อค้า ประชาชน ดำเนินการปรับปรุงบูรณะสวนสัตว์แห่งใหม่ ให้เป็นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจและเป็นแหล่งสำหรับศึกษาหาความรู้ในเรื่อง สัตว์และพืช </p><p>สวนสัตว์สระแก้วลพบุรี มีบริการร่มรื่น กว้างขวาง มีสัตว์ต่าง ๆ หลายชนิด มีสนามเด็กเล่น ศาลาอเนกประสงค์สำหรับจัดกิจกรรมต่าง ๆ มีสระน้ำสำหรับผู้ประสงค์จะลอยเรือเล่น นับเป็นสวนสัตว์ในต่างจังหวัดที่มีความสมบูรณ์ พอสมควรแก่การบริการประชาชนในท้องถิ้น เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 18.00 น. ค่าผ่านประตูผู้ใหญ่ 10 บาท เด็ก 5 บาท รถยนต์ 5 บาท </p><p><strong>พระที่นั่งไกรสรสีหราช</strong><br />(พระที่นั่งเย็นหรือตำหนักทะเลชุบศร)ตั้งอยู่ที่ตำบลทะเลชุบศร ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นที่ประทับอีกแห่งหนึ่งของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ณ เมืองลพบุรี สมเด็จพระนารายณ์ฯโปรดให้สร้างขึ้น เพื่อทรงสำราญพระราชอริยาบถ บันทึกของชาวฝรั่งเศส กล่าวว่า เมื่อสมเด็จพระนารายณ์ประพาสป่าล่าช้างบริเวณภูเขาทางทิศตะวันออก แล้วจะกลับเข้าเสด็จประทับ ณ พระที่นั่งองค์นี้ สร้างขึ้นในปีใดในรัชกาลของพระองค์ไม่ทราบแน่ชัด แต่จากการที่พระองค์ได้ทรงต้อนรับพระราชอาคันตุกะจากประเทศฝรั่งเศส ณ พระที่นั่ง ใน พ.ศ. 2228 จึงเป็นหลักฐานที่แน่ชัดว่าพระที่นั่งเย็นได้สร้างก่อน พ.ศ. 2228 องค์พระที่นั่งตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเลชุบศร ซึ่งในสมัยโบราณเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีเขื่อนหินถือปูนล้อมรอบ สภาพปัจจุบันเหลือแต่ผนังเครื่องบนหักพังหมดแล้ว </p><p>ลักษณะทางสถาปัตยกรรม คือ เป็นพระที่นั่งชั้นเดียว มีผนังเป็นทรงจตุรมุข ตรงมุขหน้าเป็นมุขเด็จยื่นออกมา และมีสีหบัญชรกลางมุขเด็จสำหรับสมเด็จพระนารายณ์ฯ เสด็จออกซุ้มหน้าต่าง และซุ้มประตูทำเป็นซุ้มเรือนแก้ว เป็นแบบแผนที่นิยมทำกันมากในอาคารสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ </p><p>ในบริเวณพระที่นั่งเย็นมีอาคาร เล็กๆ ก่อด้วยอิฐอื่นๆ อีก ซึ่งทำประตูหน้าต่างเป็นแบบโค้งแหลม ซึ่งเข้าใจว่าคงเป็นที่พักทหาร ด้านหน้าและด้านหลังพระที่นั่งมีเกยทรงม้าหรือช้างด้านละแห่ง </p><p>พระที่นั่งเย็นมีความสำคัญใน ฐานะที่สมเด็จพระนารายณ์ฯ ใช้เป็นสถานที่สำรวจจันทรุปราคา เมื่อ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2228 และทอดพระเนตรสุริยุปราคา เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2231ร่วมกับบาทหลวงเยซูอิต และบุคคลในคณะทูตชุดแรก ที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งประเทศฝรั่งเศสส่งมาเจริญสัมพันธไมตรี เหตุที่ได้ใช้พระที่นั่งเย็นเป็นที่สำรวจ จันทรุปราคา มีบันทึกของชาวฝรั่งเศสกล่าวว่าเป็นที่เหมาะสมมองท้องฟ้าได้ทุกด้าน และมีพื้นที่กว้างมากพอสำหรับที่จะติดตั้งเครื่องมือ ยังมีภาพการสำรวจจันทรุปราคาที่พระที่นั่งเย็นซึ่งชาวฝรั่งเศสวาดไว้ เป็นรูปสมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงสวมลอมพอก ทรงกล้องส่องยาววางบนขาตั้ง ทอดพระเนตรดวงจันทร์จากสีหบัญชรของพระที่นั่งเย็น และตรงเฉลียงสองข้างสีหบัญชรด้านหนึ่งมีขุนนางหมอบกราบ อีกด้านหนึ่งมีนักดาราศาสตร์กำลังสังเกตการณ์โดยใช้กล้องส่อง จึงกล่าวได้ว่า การศึกษาวิชาดาราศาสตร์สมัยใหม่เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย ณ พระที่นั่งเย็น เมืองลพบุรีนี้เอง </p><p><strong>ศาลพระกาฬ</strong><br />อยู่ใกล้สถานีรถไฟและทางด้านทิศตะวันออกพระปรางค์สามยอด ตำบลท่าหิน เป็นเทวสถานเก่าของขอม สร้างด้วยศิลาแลงเรียงซ้อนกันเป็นฐานสูง จึงรียกกันมาแต่ก่อนอีกชื่อหนึ่งว่า “ศาลสูง” ที่ทับหลังสลักเป็นรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ทำด้วยศิลาทราย 1 แผ่น อายุราวพุทธศตวรรษที่ 15 วางอยู่ติดฝาผนังวิหารหลังเล็ก ชั้นบน ณ ที่นี้ได้พบหลักศิลาจารึกแปดเหลี่ยมจารึกอักษรมอญโบราณ </p><p>ส่วนด้านหน้าเป็นศาลที่สร้าง ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2496 โดยสร้างทับบนรากฐานเดิมที่สร้างไว้ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายในวิหารประดิษฐานพระนารายณ์ยืน ทำด้วยศิลา 2 องค์ องค์เล็กเป็นแบบเทวรูปเก่าในประเทศไทย องค์ใหญ่เป็นประติมากรรมแบบลพบุรี แต่พระเศียรเดิมหายไป ภายหลังมีผู้นำพระเศียรพระพุทธรูปศิลาทรายสมัยอยุธยามาสวมต่อไว้เป็นที่ เคารพสักการะของประชาชนทั่วไป </p><p>ในบริเวณรอบศาลพระกาฬร่มรื่น ด้วยต้นไม้ใหญ่ จึงเป็นที่อยู่อาศัยของฝูงลิงจำนวนมาก ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของจังหวัดลพบุรี มีร้านขายของที่ระลึกและอาหารสำหรับลิง ตลอดจนศาลาพักผ่อนมีถนนตัดรอบทำให้โบราณสถานมีลักษณะเป็นวงเวียน </p><p><strong>พระปรางค์สามยอด</strong><br />ตั้งอยู่บนเนินดินด้านตะวันตกของทางรถไฟ ใกล้กับศาลพระกาฬ ตำบลท่าหิน มีลักษณะเป็นปรางค์เรียงต่อกัน 3 องค์ มีฉนวนทางเดินเชื่อมติดต่อกัน พระปรางค์สามยอดเป็นศิลปะเขมรแบบบายน ซึ่งมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 สร้างด้วยศิลาแลง หินทรายและตกแต่งลวดลายปูนปั้นที่สวยงาม ตรงซุ้มประตูเดิมคงมีทับหลัง แต่ที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน คือ เสาประดับกรอบประตูแกะสลักเป็นรูปฤาษีนั่งชันเข่าในซุ้มเรือนแก้ว ซึ่งเป็นแบบเฉพาะของเสาประดับกรอบประตูศิลปเขมรแบบบายน ปรางค์องค์กลางมีฐานแต่เดิมเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและมีเพดานไม้เขียน ลวดลายเป็นดอกจันทน์สีแดง </p><p>ด้านหน้าทางทิศตะวันออก มีวิหารสร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลาขนาดใหญ่ปางสมาธิที่สมบูรณ์ดี เป็นศิลปะแบบสมัยอยุธยาตอนต้น อายุราวพุทธศตวรรษที่ 20 </p><p>ปรางค์สามยอดนี้แต่เดิมคงเป็น เทวสถานของขอมในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ต่อมาได้ดัดแปลงเป็นเทวสถานโดยมีฐานศิวลึงค์ปรากฏอยู่ในองค์ปรางค์ทั้งสาม ปรางค์ จนกระทั่งถึงรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ จึงได้บูรณะปฏิสังขรณ์พระปรางค์สามยอดเป็นวัดในพุทธศาสนา แล้วสร้างพระวิหารก่อด้วยอิฐ ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบอยุธยาผสมแบบยุโรป ในส่วนของประตูและหน้าต่าง ภายในวิหารประดิษฐานพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัย ศิลปะอยุธยาตอนต้น ปัจจุบันยังคงประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง </p><p><strong>เทวสถานปรางค์แขก</strong><br />อยู่ใกล้กับนารายณ์ราชนิเวศน์ เป็นปรางค์ก่อด้วยอิฐมี 3 องค์ แต่ไม่มีฉนวนเชื่อมต่อกันเหมือนปรางค์สามยอด นักโบราณคดีกำหนดว่า มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 15 เพราะมีลักษณะคล้ายกับปรางค์ศิลปะเขมรแบบพะโค (พ.ศ. 1425-1536) เป็นปรางค์แบบเก่า ซึ่งมีประตูทางเข้าแบบโค้งแหลม ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ โปรดให้สร้างวิหารขึ้นด้านหลัง และถังเก็บน้ำ ซึ่งอยู่ทางด้านทิศใต้ของปรางค์ </p><p><strong>วัดมณีชลขัณฑ์</strong><br />สร้างในสมัยรัชการที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของตลาดท่าโพธิ์ มีโบราณสถานที่น่าสนใจคือ พระเจดีย์รูปทรงแปลก คือก่อเป็นเหลี่ยมสูงชะลูดขึ้นไป เหลี่ยมคล้ายกับเจดีย์เหลี่ยมสมัยเชียงแสน (ล้านนา) แต่ตรงมุมมีการย่อมุมไม้สิบสอง ทำเป็นสามชั้น มีซุ้มประตูยอดแหลมอยู่ด้านข้างทั้งสี่ด้านทุกชั้น</p></td></tr></tbody></table> <p><strong>วัดนครโกษา </strong><br />อยู่ทางตอนเหนือของสถานีรถไฟลพบุรีด้านทิศตะวันออกใกล้กับศาลพระกาฬ มีซากโบราณสถาน คือ เจดีย์องค์ใหญ่สมัยทวาราวดี พระปรางค์สมัยลพบุรีในราวพุทธศตวรรษที่ 17 อยู่ด้านหน้า แต่พระพุทธรูปปูนปั้นแบบอู่ทองบนปรางค์นั้นสร้างขึ้นภายหลัง และยังพบเทวรูปขนาดใหญ่มีร่องรอยการดัดแปลงเป็นพระพุทธรูป 2 องค์ ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์ เทวสถานแห่งนี้ภายหลังสร้างเป็นวัดขึ้นในสมัยอยุธยา ดังจะเห็นได้จากซากวิหารซึ่งเหลือแต่ผนัง และเสาอยู่ทางด้านหน้าและมีเป็นเจดีย์สูงก่อด้วยอิฐอยู่เบื้องหลัง คำว่า “วัดนครโกษา” มีผู้สันนิษฐานว่า เจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ เป็นผู้บูรณะจึงเรียกว่า “วัดนครโกษาปาน” ตามราชทินนามนั่นเอง </p><p><strong>วัดสันเปาโล</strong><br />ตั้งอยู่ถนนร่วมมิตร ทางเข้าวิทยาลัยนาฏศิลป์ลพบุรี เป็นวัดของพวกบาทหลวงเยซูอิต สร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ ปัจจุบันคงเหลือเพียงผนังด้านหนึ่งและหอดูดาว บริเวณโดยรอบมีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น คำว่า “สันเปาโล” คงเพี้ยนมาจากคำว่าเซ็นตปอลหรือเซ็นทเปาโล ชาวบ้านมักเรียกกันว่า “ตึกสันเปาหล่อ” </p><p><strong>วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ</strong><br />เป็นวัดเก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดของลพบุรีตั้งอยู่หลังสถานีรถไฟ ลพบุรี อยู่ถัดไปทางทิศตะวันออกของพระปรางค์สามยอด วัดนี้มีมาตั้งแต่สมัยขอม มีอำนาจปกครองลพบุรีอยู่แต่ได้นับการบูรณะปฏิสังขรณ์ สืบต่อมาหลายยุคหลายสมัย ทำให้ศิลปกรรมที่ปรากฏเหลืออยู่จึงแตกต่างกันมาก </p><p>เมื่อเข้าไปในบริเวณวัด จะพบศาลาเปลื้องเครื่องเป็นอันดับแรก ศาลากลางเปลื้องเครื่องนี้ ใช้เป็นที่สำหรับพระเจ้าแผ่นดินเปลื้องเครื่องทรง ก่อนที่จะเข้าพิธีทางศาสนาในพระวิหารหรือพระอุโบสถ ศาสนาเปลื้องเครื่องตั้งอยู่หน้าวิหาร คงเหลือเพียงเสาเอนเอียงอยู่เท่านั้น ส่วนอื่นปรักหักพังไปหมดแล้ว ถัดจากศาลาเปลื้องเรื่องเป็นวิหารหลวง ซึ่งสร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ เป็นวิหารขนาดใหญ่มาก ประตูทำเป็นเหลี่ยมแบบไทย หน้าต่างเจาะช่องแบบโกธิคของฝรั่งเศส ภายในสร้างฐานชุกชี ประดิษฐานพระพุทธรูปทางทิศใต้ของวิหารหลวง เป็นพระอุโบสถขนาดย่อม ประตูหน้าต่างเป็นแบบฝรั่งเศสทั้งหมด ห่างไปทางทิศตะวันตกของวิหารหลวง เป็นพระปรางค์องค์ใหญ่ที่สูงที่สุดในลพบุรี สร้างเป็นพุทธเจดีย์ องค์ปรางค์ก่อด้วยศิลาแลงโบกปูน มีเครื่องประดับลวดลายเป็นพระพุทธรูปและพุทธประวัติ เดิมคงจะสร้างในสมัยขอมเรืองอำนาจ แต่ได้รับการซ่อมแซมในสมัยสมเด็จพระราเมศวร สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ และสมเด็จพระนารายณ์ฯ ลวดลายจึงมีปะปนกันหลายสมัย ปรางค์องค์นี้เดิมบรรจุพระพุทธรูปไว้เป็นจำนวนมาก ที่ขึ้นชื่อคือ พระเครื่องสมัยลพบุรี เช่น พระหูยาน พระร่วง ซึ่งมีการขุดพบเป็นจำนวนมาก </p><p><strong>วัดเสาธงทอง</strong><br />ตั้งอยู่บนถนนฝรั่งเศสซึ่งตัดเชื่อมระหว่างพระราชวังนารายณ์ฯ กับบ้านหลวงรับราชทูต เป็นวัดเก่าแก่เดิมแยกเป็น 2 วัด คือ วัดรวก และวัดเสาธงทอง พระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เตชะคุปต์) สมุหเทศาภิบาลมณฑลอยุธยา ได้รายงานกราบทูลเสนอความเห็น ต่อสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณาโรรส เมื่อคราวเสด็จตรวจการคณะสงฆ์ในมณฑลอยุธยาว่า วัดรวกมีโบสถ์ วัดเสาธงมีวิหาร สมควรจะรวมเป็นวัดเดียวกัน ทรงดำริเห็นชอบให้รวมกัน และให้เรียกชื่อว่า วัดเสาธงทอง </p><p>วัดนี้มีโบราณสถานที่ควรชม คือ พระวิหารซึ่งแต่เดิมคงสร้างขึ้นเพื่อเป็นศาสนสถานของศาสนาอื่น เพราะจากแผนที่ของช่างชาวฝรั่งเศสทำไว้ ระบุว่าพื้นที่บริเวณนั้นเป็นที่พำนักของชาวเปอร์เซีย พระวิหารหลังนี้อาจเป็นที่ประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม ของชาวเปอร์เซียก็เป็นได้ นอกจากนั้นก็มีตึกปิจู ตึกคชสาร หรือตึกโคระส่าน เป็นตึกเก่าสันนิษฐานว่า ใช้เป็นที่พำนักของแขกเมือง และราชทูตต่างประเทศชาวเปอร์เซีย </p><p><strong>บ้านหลวงรับราชทูต หรือ บ้านหลวงวิชาเยนทร์</strong><br />ตั้งอยู่บนถนนวิชาเยนทร์ ห่างจากปรางค์แขกประมาณ 300 เมตร ทางทิศเหนือของพระนารายณ์ราชนิเวศน์ สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทูตจากประเทศฝรั่งเศสชุดแรกที่เข้ามาเมื่อปี พ.ศ. 2228 ได้พัก ณ สถานที่แห่งนี้ จึงได้ชื่อว่า บ้านหลวงรับราชทูต และเนื่องจากสถานที่นี้เป็นที่พำนักของเจ้าพระยาวิชยาเยนทร์ ขุนนางสำคัญในสมัยนั้น ในภายหลังจึงได้ชื่อว่า “บ้านวิชาเยนทร์” อีกชื่อหนึ่ง </p><p>พื้นที่ในบริเวณบ้านหลวงรับ ราชทูตแบ่งออกเป็น 3 ส่วน สังเกตได้จากประตูเข้าด้านหน้า ซึ่งสร้างไว้สำหรับเป็นทางเข้าออกแต่ละส่วน คือ </p><p>ส่วนทิศตะวันตก ส่วนกลาง และส่วนทางทิศตะวันออก ส่วนทิศตะวันตก เป็นกลุ่มอาคาร ได้แก่ ตึก 2 ชั้นหลังใหญ่ก่อด้วยอิฐ และอาคารชั้นเดียว แคบยาว ซุ้มประตูทางเข้าเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลม </p><p>ส่วนกลาง มีอาคารที่สำคัญ คือ ฐานของสิ่งก่อสร้างซึ่งเข้าใจว่าเป็นหอระฆังและโบสถ์คริสตศาสนา ซึ่งอยู่ทางด้านหลังซุ้มประตูทางเข้าเป็นรูปจั่ว </p><p>ส่วนทิศตะวันออก ได้แก่ กลุ่มอาคารใหญ่ 2 ชั้น มีบันไดขึ้นทางด้านหน้าเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลม ซุ้มประตูทางเข้ามีลักษณะเช่นเดียวกับทางทิศตะวันตก </p><p>ลักษณะของสถาปัตยกรรมในบ้าน หลวงรับราชทูตบางหลัง เป็นแบบยุโรปอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอาคารใหญ่ทางทิศตะวันออก ก่ออิฐถือปูนสูง 2 ชั้น หน้าต่างและซุ้มประตูแสดงให้เห็นลักษณะศิลปะตะวันตกแบบเรอเนสซองส์ ซึ่งเจริญแพร่หลายในระยะเวลาเดียวกัน และที่สำคัญอีก คือ อาคารที่เป็นโบสถ์คริสตศาสนา ผังและแบบของโบสถ์เป็นแบบยุโรป มีซุ้มประตูหน้าต่างเป็นซุ้มเรือนแก้ว มีเสาปลายเป็นรูปกลีบบัวยาว ซึ่งเป็นศิลปะแห่งไทย โบสถ์เหล่านี้ถือกันว่า เป็นโบสถ์คริสตศาสนาหลังแรกในโลก ที่ตกแต่งด้วยลักษณะของโบสถ์ทางพระพุทธศาสนา </p><p><strong>พระนารายณ์ราชนิเวศน์ </strong><br />เป็นพระราชวังสมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2290 เพื่อใช้เป็นที่ประทับ ณ เมืองลพบุรี แบ่งเป็นเขตพระราชฐานชั้นนอก เขตพระราชฐานชั้นกลาง และเขตพระราชฐานชั้นใน กำแพงพระราชวังก่อด้วยอิฐถือปูน มีใบเสมาเรียงรายบนสันกำแพง มีซุ้มประตูทั้งหมด 11 ประตู ช่องประตูทางเข้าโค้งแหลม หลังตาประตูเป็นทรงจตุรมุข ตรงจั่วซุ้มประตูตกแต่งลายกระจังปูนปั้นที่วิวัฒนาการมาจากดอกบัว ที่ซุ้มประตูและกำแพงพระราชฐานชั้นกลางและชั้นในมีช่องเล็ก ๆ เจาะเป็นรูปโค้งแหลมคล้ายบัวเรียงเป็นแถวสำหรับวางตะเกียง ประมาณ 2,000 ช่อง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4 ) โปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมแซมขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ.2399 เพื่อให้เป็นราชธานีชั้นใน และพระราชทานชื่อว่า “พระนารายณ์ราชนิเวศน์” ซึ่งสิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และในรัชสัมยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้แก่ พระที่นั่งและตึก ซึ่งสร้างขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช </p><p><strong>พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท</strong><br />เป็นพระที่นั่งศิลปกรรมแบบไทยและฝรั่งเศสผสมกัน เดิมเป็นท้องพระโรงมียอดแหลมทรงมณฑป ตรงกลางท้องพระโรงมีสีหบัญชร เป็นที่เสด็จออกเพื่อทรงมีพระราชปฏิสันถารกับผู้เข้าเฝ้า ฝาผนังประดับด้วยกระจกเงา ซึ่งนำมาจากประเทศฝรั่งเศส ประตูและหน้าต่างท้องพระโรง ซึ่งอยู่ด้านหน้าทำเป็นโค้งแหลม ส่วนตัวมณฑปซึ่งอยู่ด้านหลังทำประตูหน้าต่างเป็นซุ้มแบบไทย คือ ซุ้มเรือนแก้วฐานสิงห์ ผนังด้านนอกพระที่นั่งตรงมณฑปชั้นล่าง เจาะเป็นช่องโค้งแหลมไว้สำหรับวางตะเกียง ซึ่งจะเห็นได้อีกเป็นจำนวนมากตามซุ้มประตู และกำแพงของพระราชวัง สมเด็จพระนารายณ์เคยเสด็จออกรับคณะราชทูตฝรั่งเศส เชอวาเลีย เดอ โชมองต์ ที่พระที่นั่งองค์นี้ในปี พ.ศ. 2228 ด้วย<br /> <br /> <strong>พระที่นั่งจันทรพิศาล</strong><br />สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2208 เป็นที่ประทับของสมเด็จพระนารายณ์ฯ ที่สร้างทับลงไปบนรากฐานเดิม ของพระที่นั่งซึ่งพระราเมศวรโอสรองค์ใหย๋ของพระเจ้าอู่ทอง ได้ทรงสร้างเมื่อครั้งครองเมืองลพบุรี พระที่นั่งองค์นี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบไทยแท้ ด้านหน้ามีมุขเด็จ ภายหลังเมื่อได้สร้างพระที่นั่งสุทธาสวรรค์ขึ้น สมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงย้ายไปประทับที่พระที่นั่งองค์ใหม่ และโปรดให้ใช้พระที่นั่งจันทรพิศาลเป็นที่ออกขุนนาง ซึ่งตรงกับบันทึกของชาวฝรั่งเศสว่าเป็นหอประชุมองคมนตรี ในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงบูรณะพระที่นั่งองค์นี้ตามแบบของเดิม ปัจจุบันใช้จัดแสดงเรื่องราว พระราชประวัติของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และงานประณีตศิลป์สมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์<br /> <br /> <strong>พระที่นั่งสุทธาสวรรค์</strong><br />เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของสมเด็จพระนารายณ์สมเด็จพระนารายณ์ฯ ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นใน บันทึกของชาวฝรั่งเศสกล่าวว่า พระที่นั่งองค์นี้ตั้งอยู่ในพระราชอุทยานที่ร่มรื่น ทรงปลูกพรรณไม้ต่างๆ ด้วยพระองค์เอง หลังคาพระที่นั่งมุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลือง ที่มุมทั้งสี่ มีสระน้ำใหญ่สี่สระ เป็นที่สรงสนานของพระเจ้าแผ่นดิน สมเด็จพระนารายณ์ฯ สวรรคต ณ พระที่นั่งองค์นี้ใน พ.ศ.2231<br /> <br /> <strong>ตึกพระเจ้าเหา</strong><br />ตั้งอยู่ทางด้านใต้ของเขตพระราชฐานชั้นนอก ตึกหลังนี้แสดงให้เห็นถึงลักษณะสถาปัตยกรรมสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ ได้อย่างชัดเจนมาก เป็นตึกที่สร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 10 เมตร ยาว 20 เมตร ยกพื้นสูงขึ้นไปประมาณ 1 เมตร ตัวตึกเป็นรูปทรงไทย ฐานก่อด้วยศิลาแสง และจึงก่ออิฐขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง ปัจจุบันเหลือแต่ผนังประตูหน้าต่าง ทำเป็นซุ้มเรือนแก้วฐานสิงห์ ปัจจุบันคงปรากฏลายให้เห็นอยู่ ด้วยเหตุว่าภายในตึกมีฐานชุกชีปรากฏให้เห็นอยู่และชาวฝรั่งเศสได้ระบุว่า เป็นวัด จึงสันนิษฐานว่าเป็นหอพระประจำพระราชวัง ตึกพระเจ้าเหาหรือ “พระเจ้าหาว” (หาว=ท้องฟ้า-ภาษาไทยโบราณ) ในตอนปลายรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ พระเทพราชา และขุนหลวงสรศักดิ์ใช้ตึกพระเจ้าเหาเป็นที่นัดแนะประชุมขุนนางและทหารเพื่อ แย่งชิงราชสมบัติขณะที่สมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงพระประชวรหนัก </p><p><strong>ตึกรับรองคณะทูตต่างประเทศ</strong><br />ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอก บันทึกของชาวฝรั่งเศสกล่าวว่า ตึกหลังนี้อยู่กลางอุทยาน ซึ่งแบ่งเป็นช่องสี่เหลี่ยมจัตุรัส รอบตึกมีคูน้ำล้อมรอบ ภายในคูน้ำมีน้ำพุเรียงรายได้ระยะยาว 20 แห่ง สมเด็จพระนารายณ์ฯ ได้พระราชทานเลี้ยงแก่คณะทูตจากประเทศฝรั่งเศส ณ สถานที่นี้ใน พ.ศ. 2228 และ พ.ศ. 2230 </p><p><strong>พระคลังศุภรัตน์ (หมู่ตึกสิบสองท้องพระคลัง) </strong><br />เป็นหมู่ตึกตั้งอยู่ระหว่างถังเก็บน้ำประปาและตึกซึ่งใช้เป็นสถานที่พระราช ทานเลี้ยงชาวต่างประเทศ สร้างขึ้นอย่างมีระเบียบด้วยอิฐเป็น 2 แถวยาวเรียงชิดติดกัน อาคารมีลักษณะค่อนข้างทึบ มีถนนผ่ากลาง มีจำนวนรวม 12 หลัง เข้าใจว่าเป็นคลังเพื่อเก็บสินค้า หรือเก็บสิ่งของเพื่อใช้ในราชการ </p><p><strong>อ่างซับเหล็ก หรืออ่างซับเหล็กหรือถังเก็บน้ำ</strong><br /> อยู่ในเขตตำบลนิคมสร้างตนเองห่างจากศาลากลางจังหวัดไปทางทิศตะวันออกประมาณ 16 กิโลเมตร </p><p>อ่าง ซับเหล็กเป็นอ่างเก็บน้ำธรรมชาติที่มีมาแต่โบราณ ในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงโปรดให้ช่างชาวฝรั่งเศสและชาวอิตาเลียนเป็นผู้วางท่อส่งน้ำจากอ่างซับ เหล็กนำมาใช้ในเขตพระราชฐาน </p><p>อ่างซับเหล็กมีเนื้อที่ประมาณ 1,760 ไร่ เมื่อปี พ.ศ. 2497 สมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี ได้ให้สร้างเขื่อนดินกั้นน้ำเพื่อเก็บน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตร ต่อมาในปี พ.ศ. 2520 จังหวัดลพบุรีได้ปรับปรุงอ่างซับเหล็กให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยทำถนนรอบอ่างเก็บน้ำ ปลูกต้นไม้และสร้างศาลาพักร้อน </p><p><strong>โรงช้างหลวง </strong><br />ตั้งเรียงรายเป็นแถวชิดริมกำแพงเขตพระราชฐานชั้นนอกด้านในสุด โรงช้างส่วนใหญ่ปรักหักพังเหลือแต่ฐานปรากฎให้เห็นประมาณ 10 โรง ช้างซึ่งยืนโรงในพระราชวัง คงเป็นช้างหลวงหรือช้างสำคัญ สำหรับใช้เป็นพาหนะของสมเด็จพระนารายณ์ฯ เจ้านายหรือขุนนางชั้นผู้ใหญ่ พระที่นั่งและตึกซึ่งสร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว </p><p><strong>หมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฎ </strong><br />พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดฯ ให้สร้างหมู่พระที่นั่งองค์นี้ขึ้นใน พ.ศ. 2405 ประกอบด้วยพระที่นั่งต่างๆ คือ มุขด้านซ้ายมือ พระที่นั่งอักษรศาสตราคมเป็นที่ทรงพระอักษร มุขด้านขวามือคือพระที่นั่งไชยศาสตรากร เป็นที่เก็บอาวุธ พระที่นั่งองค์ขวางตรงกลาง คือพระที่นั่งวิสุทธิวินิจฉัย ใช้เป็นท้องพระโรงเสด็จออกว่าราชการ ด้านหลังสุดเป็นอาคารสูง 3 ชั้น คือ พระที่นั่งพิมานมงกุฎ เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ </p><p><strong>หมู่ตึกพระประเทียบ</strong><br />ตั้งอยู่บริเวณหลังพระที่นั่งพิมานมงกุฎ ซึ่งเป็นเขตพระราชฐานฝ่ายใน ก่อด้วยอิฐถือปูนสูง 2 ชั้น เรียงรายอยู่ 8 หลัง สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักของข้าราชการฝ่ายใน </p><p><strong>ทิมดาบหรือที่พักของทหารรักษาการณ์ </strong><br />เมื่อเดิน ผ่านประตูทางเข้าเขตพระราชฐานชั้นกลาง ข้างประตูทั้งสองด้านตรงบริเวณสนามหญ้าจะแลเห็น ศาลาโถงข้างละหลัง นั่นคือตึกซึ่งสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่พักของทหารรักษาการณ์ในเขตพระราชวัง </p><p><strong>พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์ </strong><br />ได้มีการจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขึ้นในพระราชวังนารายณ์ราชนิเวศน์ นับเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแห่งที่ 3 ที่ได้ตั้งขึ้นในประเทศไทย แห่งแรกนั้นคือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร แห่งที่ 2 คือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจันทรเกษม พระนครศรีอยุธยา แห่งที่ 3 คือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์ฯ ลพบุรี ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2466<br /> <br />อาคารจัดแสดงศิลปโบราณวัตถุในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์ฯ จัดแบ่งออกเป็นห้องต่าง ๆ ดังนี้ </p> <p><strong>ห้องพระที่นั่งจันทรพิศาล</strong><br />เป็นลักษณะสถาปัตย กรรมแบบทรงไทย จัดแสดงเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง สังคม วัฒนธรรม และพระราชประวัติของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช </p><p><strong>ห้องหมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฎ</strong><br />เป็นลักษณะสถาปัตย กรรมผสมแบบตะวันตก จัดแสดงเรื่องสมัยก่อนประวัติศาสตร์ จัดแสดงหลักฐานโบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่พบจากแหล่งโบราณคดีลุ่ม แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณภาคกลางของประเทศไทยและแหล่งโบราณคดี จังหวัดลพบุรี โครงกระดูกมนุษย์ ภาชนะดินเผา เตาดินเผา เครื่องมือเครื่องใช้ทำจากโลหะ ภาชนะสำริด เครื่องประดับทำจากหินและเปลือกหอย เป็นต้น </p><p><strong>ห้องภาคกลางประเทศไทย </strong><br />พ.ศ.800-1500 รับอิทธิพลวัฒนธรรมของอินเดียที่เรียกว่า สมัยทวารวดี จัดแสดงเรื่องการเมือง การตั้งถิ่นฐาน เทคโนโลยีและการดำเนินชีวิต อักษร ภาษา ศาสนสถาน ศาสนาและความเชื่อถือ หลักฐานที่พบได้แก่ พระพุทธรูป พระพิมพ์ดินเผา เหรียญตราประทับดินเผา จารึกภาษาบาลี สันสกฤต และรูปเคารพต่าง ๆ </p><p><strong>ห้องอิทธิพลศิลปะเขมร - ลพบุรี </strong><br />ที่พบในภาคกลางของประเทศไทย อายุราวพุทธศตวรรษที่ 15 - 18 จัดแสดงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โบราณคดีสมัยชนชาติขอมแผ่อิทธิพลเข้าปกครองเมืองลพบุรี และบริเวณภาคกลางของประเทศไทย ได้แก่ ทับหลัง พระพุทธรูปปางนาคปรก พระพุทธรูปปางประทางอภัย เป็นต้น </p><p><strong>ห้องประวัติศาสตร์ศิลปะในประเทศไทย</strong><br />ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 - 18 ศิลปกรรมที่พบตามภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย ได้แก่พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร พระพิมพ์ และพระพุทธรูปสำริดสมัยต่าง ๆ </p><p><strong>ห้องประวัติศาสตร์ศิลปกรรมสมัยอยุธยา - รัตนโกสินทร์</strong><br />ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 18 -24 ได้แก่ พระพุทธรูป เครื่องถ้วย เงินตรา อาวุธ เครื่องเงิน เครื่องทอง และชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมปูนปั้น และไม้แก่สลักต่าง ๆ </p><p><strong>ห้องศิลปะร่วมสมัย </strong><br /> จัดแสดงภาพเขียนและภาพพิมพ์ศิลปะร่วมสมัยของศิลปินไทย </p><p><strong>ห้องประวัติศาสตร์</strong><br />การเมือง สังคม วัฒนธรรมและพระราชประวัติของสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ซึ่งโปรดฯ ให้และสร้างพระราชวัง ณ เมืองลพบุรี เมื่อ พ.ศ.2399 ได้แก่ ภาพพระสาทิสลักษณ์ ฉลองพระองค์ เครื่องใช้ แท่นบรรทม เหรียญทอง และจานชามมีสัญลักษณ์มีรูปมงกุฎตราประจำพระองค์ เป็นต้น </p><p><strong>ห้องหมู่ตึกพระประเทียบ</strong><br />เป็นอาคารลักษณะสถาปัตยกรรมผสมแบบตะวันตก จัดแสดงเรื่องชีวิตไทยภาคกลาง การดำรงชีวิต ที่อยู่อาศัย เครื่องมือ เครื่องใช้ประกอบอาชีพประมง การเกษตร และศิลปหัตกรรมพื้นบ้านของคนไทยในภาคกลาง โดยเฉพาะจังหวัดลพบุรีที่ใช้ในอดีตจรถึงปัจจุบัน </p><p>นอกจากนี้ทางพิพิธภัณฑ์ฯ ยังมีการจัดนิทรรศการเกี่ยงกับประวัติศาสตร์ โบราณคดี และศิลปวัฒนธรรมให้ชมกันเป็นครั้งคราว </p><p>การ เข้าชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์ฯ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.30 - 16.30 น. หยุดวันจันทร์ - วันอังคารและวันหยุดนักขัตฤกษ์ การเข้าชมผู้เข้าชมจะต้องเสียค่าเข้าชม ชาวไทยคนละ 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท สำหรับนักเรียน นักศึกษาและพระภิกษุ สามเณรไม่ต้องเสียค่าเข้าชม ติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ ถนนสรศักดิ์ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี 15000 โทร. (036) 411458 </p><p><strong>หมู่บ้านดินสอพอง (ทำดินสอพอง) </strong><br />อยู่ที่บ้านหินสองก้อน ตำบลถนนใหญ่ ใช้เส้นทางไปอำเภอบ้านหมี่ ข้ามสะพาน 6 แล้วเลี้ยวซ้ายเลียบคลองชลประทาน เป็นหมู่บ้านที่มีการทำดินสอพองกันแทบทุกครัวเรือน และบริเวณนั้นจะมีดินสีขาว เรียกว่า “ดินมาร์ล” ซึ่งเป็นดินที่มีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับการทำดินสอพอง</p><p><strong>วัดยาง ณ รังสี และพิพิธภัณฑ์เรือพื้นบ้าน</strong><br />ตั้งอยู่หมู่ 2 ตำบลตะลุง อำเภอเมืองลพบุรี ริมฝั่งแม่น้ำลพบุรีด้านตะวันตก ด้านหน้าติดทางหลวงสายลพบุรี - บางปะหัน อยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศใต้ประมาณ 9 กิโลเมตร เดิมเรียกว่า วัดพญายาง เนื่องจากภายในบริเวณวัดมีต้นยางยักษ์ใหญ่ตระหง่านเป็นสัญลักษณ์ท่ามกลางดง ต้นยาง สันนิษฐานกันว่าเดิมเป็นวัดโบราณอยู่กลางป่า น่าจะมีอายุตั้งแต่สมัยละโว้ เพราะมีประติมากรรมหินทรายประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถของวัด คือ พระพุทธรูปปางนาคปรก 2 องค์ พระพุทธรูปปางมารวิชัย 1 องค์ และพระพุทธรูปปางสมาธิ 1 องค์ เป็นเนื้อหินทรายและหินหนุมาน (หินสีเขียว) รูปทรงเป็นแบบสมัยของเรืองอำนาจ ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่และเปลี่ยนชื่อ ใหม่ถึง 2 ครั้ง เดิมเป็นวัดยางศรีสุธรรมาราม แล้วเปลี่ยนเป็นวัดยาง ณ รังสี จนถึงปัจจุบัน </p><p><strong>พิพิธภัณฑ์เรือพื้นบ้าน</strong><br />ตั้งอยู่ที่ศาลากลางเปรียญไม้ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2470 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำลพบุรี เป็นสถาปัตยกรรมแบบศาลาวัดในชนบทของภาคกลางในประเทศไทย ซึ่งนับวันจะหาดูได้ยาก ต่อมาได้มีการบูรณะซ่อมแซมแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2531 โครงการพิพิธภัณฑ์เรือพื้นบ้านจึงได้เกิดขึ้น และนับเป็นพิพิธภัณฑ์เรือพื้นบ้านแห่งแรกของประเทศไทย </p><p><strong>วัดตองปุ </strong><br />หลังโรงเรียนพิบูลวิทยาลัย ตำบลทะเลชุบศร เป็นวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญวัดหนึ่ง ในอดีตเคยเป็นที่ชุมนุมกองทัพไทย ในวัดตองปุนี้มีโบราณสถานและโบราณวัตถุที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น พระอุโบสถ วิหาร หอไตร คลัง และหอระฆัง ล้วนเป็นสถาปัตยกรรมในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ ภายในพระวิหารมีจิตรกรรมฝาผนังเขียนรอบทั้งสี่ด้านล้วนเป็นภาพที่หาดูได้ยาก นอกจากนี้ยังมีเจดีย์ลักษณะคล้ายกับเจดีย์หลวงพ่อแสง วัดมณีชลขัณฑ์แต่มีขนาดเล็กกว่า และสัดส่วนงดงาม </p><p><strong>วัดสิริจันทรนิมิตรวรวิหาร (วัดเขาพระงาม) </strong><br />ตั้งอยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดลพบุรีไปทางทิศเหนือตามถนนพหลโยธินไปประมาณ 12 กิโลเมตร อยู่ในเขตตำบลเขาพระงาม วัดเขาพระงามนี้เดิมเป็นวัดร้าง สร้างมาแต่เมื่อใดไม่มีปรากฏ ต่อมาในปี พ.ศ.2455 พระอุมาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) เจ้าอาวาสวัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ กับพระสงฆ์อีกรูปได้ธุดงค์มาพักที่วัดนี้ เห็นว่ามีภูมิประเทศดี จึงได้สร้างพระพุทธรูปที่มีหน้าตักกว้าง 11 วา สูงจากหน้าตักถึงยอดพระเศียร 18 วา เส้นพระศกทำด้วยไหกระเทียม เมื่อสร้างเสร็จได้ถวายพระนามว่า พระพุทธนฤมิตรมัธยมพุทธกาล ครั้นภายหลังซ่อมเมื่อปี พ.ศ.2469 จึงเปลี่ยนนามใหม่ว่า “พระพุทธปฏิภาคมัธยมพุทธกาล” </p><p>บริเวณวัดมีกิจกรรมที่กำลัง เป็นที่สนใจของคนทั่วไปคือ การขายพลอยสีต่าง ๆ ที่เจียรไนจากหินควอท์ซึ่งขุดได้จากบริเวณเขาพระงาม เรียกว่า “เพชรพระงาม” ราคาพอสมควรที่นักท่องเที่ยวทุกระดับจะซื้อเป็นของที่ระลึกได้ ปัจจุบันมีแผงขายเพชรพระงามตั้งอยู่บริเวณลานหน้าวัด </p><p><strong>วัดเวฬุวัน (วัดเขาจีนแล) </strong><br />อยู่ในหุบเขาจีนแล ตำบลนิคมสร้างตนเอง อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดลพบุรีประมาณ 18 กิโลเมตร ทางเข้าเป็นถนนราดยางสภาพดี </p><p>เดิมบริเวณที่ตั้งวัดนี้เป็น ป่าทึบเต็มไปด้วยต้นไผ่ พระครูอุบาลี ธรรมมาจารย์ (หลวงพ่อลี) ได้ธุดงค์มาถึงที่นี่เห็นภูมิประเทศเหมาะสมจึงได้ตั้งสำนักสงฆ์ขึ้น </p><p>วัดเขาจีนแลเป็นวัดที่สร้าง ขึ้นใหม่ สถานที่ร่มรื่น มีภูเขาล้อมรอบสี่ด้าน เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ 2 องค์ คือ พระพุทธรูปใหญ่ที่หลวงพ่อลีสร้าง และพระพุทธรูปที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ทรงสร้างประดิษฐานอยู่บนยอดเขา มีโบสถ์รูปทรงแปลก จั่วเป็นซุ้มกุทุแบบอินเดีย รวมถึงหอสมุดและสำนักชี<br /> <br /> <strong>วัดสุวรรณคีรีปิฎก (วัดเขาตะกร้า)</strong><br />ตั้งอยู่เลยอ่างซับเหล็กเข้าไปมีถนนโรยกรวดเข้าไปถึงวัด ใกล้กับวัดเวฬุวัน ตำบลนิคมสร้างตนเอง สร้างมาตั้งแต่ พ.ศ. 2501 โดยหลวงพ่อบุญเหลือ ปภาโส เป็นวัดที่สร้างกุฏิและวิหารเกาะกับภูเขา มีเจดีย์สร้างใหม่องค์หนึ่งลักษณะงดงามดี วัดนี้ชาวไทยเชื้อสายจีนนิยมไปสักการะศพหลวงพ่อบุญเหลือ ซึ่งมรณภาพไปตั้งแต่ พ.ศ. 2517 เก็บไว้ในหีบแก้วแต่ไม่เน่าเปื่อยเพียงแต่แห้งไป </p> <p><strong>บ้านท่ากระยาง (หล่อรูปโลหะและดินสอพอง) </strong><br />อยู่ในเขตอำเภอเมืองลพบุรี หลังวัดตองปุ เดิมเป็นหมู่บ้านช่างหล่อ มีอาชีพหล่อพระพุทธรูปด้วยโลหะ ต่อมาเริ่มหล่อรูปโลหะอื่นๆ เป็นประเภท ของที่ระลึกและเลียนแบบของเก่าด้วย เช่น รูปสัตว์ประจำปีนักษัตริย์ รูปหนุมาน เทวรูปพระกาฬ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีการทำดินสอพองเม็ดเล็กแบบเก่าอีกด้วย </p><p><strong>ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดลพบุรี </strong><br />ตั้งอยู่ภายในบริเวณสถาบันราชภัฏเทพสตรีลพบุรี มีหน้าที่ทะนุบำรุงส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดศูนย์วัฒนธรรมนี้เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2524 ภายในหอวัฒนธรรมได้จัดนิทรรศการเกี่ยวกับจังหวัดลพบุรีหลายด้าน เช่น แผนที่จังหวัด ตำนาน-นิทานพื้นบ้าน แผนที่ทางภาษา นอกจากนั้นยังเก็บรวบรวมและจัดแสดงเอกสารโบราณที่พบในจังหวัดอีกด้วย</p><br /><span class="style27"><br />จังหวัดลพบุรี :: ข้อมูลทั่วไป</span></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>ลพบุรี</strong> เป็นเมืองสำคัญเก่าแก่เมืองหนึ่งตั้งแต่สมัยทวาราวดี (พุทธศตวรรษที่ 11-16) เคยอยู่ใต้อำนาจมอญและขอม จนกระทั่งในตอนต้นของพุทธศตวรรษที่ 19 คนไทยจึงเริ่มมีอำนาจขึ้นในดินแดนแถบนี้ ในรัชสมัยของพระเจ้าอู่ทอง ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ลพบุรีมีฐานะเป็นเมืองลูกหลวง กล่าวคือ พระเจ้าอู่ทองได้โปรดให้พระราเมศวร ราชโอรสองค์ใหญ่เสด็จมาครองเมืองลพบุรี เมื่อ พ.ศ. 1893 พระราเมศวรโปรดให้สร้างป้อม ขุดคู และสร้างกำแพงเมืองอย่างมั่นคง เมื่อพระเจ้าอู่ทองสวรรคตใน พ.ศ. 1912 พระราเมศวรต้องถวายราชบัลลังก์ ให้แก่พระปิตุลาของพระองค์ ซึ่งได้ขึ้นครองราชย์พระนามว่า พระบรมราชาธิราชที่ 1 ส่วนพระราเมศวรครองเมืองลพบุรีสืบต่อไป จนถึง พ.ศ. 1931 สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 สวรรคต พระราเมศวรจึงเสด็จขึ้นครองราชย์ ณ กรุงศรีอยุธยาเป็นครั้งที่สอง </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>หลัง จากนั้นมาเมืองลพบุรีได้ลดความสำคัญลงไป จนกระทั่งมาถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. 2199-2231) ลพบุรีได้รับการทำนุบำรุงครั้งใหญ่ สืบเนื่องมาจากการคุกคามของชนชาติฮอลันดา ที่ติดต่อค้าขายกับไทย ทำให้สมเด็จพระนารายณ์ทรงเห็นว่า กรุงศรีอยุธยานั้นไม่สู้ปลอดภัย จากการปิดล้อมระดมยิงของข้าศึก หากเกิดสงคราม จึงได้สร้างเมืองลพบุรีเป็นราชธานีที่สองขึ้น เพราะลพบุรีมีลักษณะทางยุทธศาสตร์เหมาะสม ในการสร้างลพบุรีขึ้นใหม่ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงได้รับความช่วยเหลือ จากช่างชาวฝรั่งเศส และอิตาเลียน และได้สร้างพระราชวัง และป้อมปราการเป็นแนวป้องกันอย่างแข็งแรง สมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้ประทับอยู่ที่ลพบุรีเป็นส่วนใหญ่ และโปรดให้ทูต และชาวต่างประเทศ เข้าเฝ้าพระองค์ที่เมืองนี้หลายครั้ง </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>สิ้น รัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ฯ แล้ว ลพบุรีก็หมดความสำคัญลง สมเด็จพระเพทราชาได้ทรง ย้ายหน่วยราชการทั้งหมดกลับกรุงศรีอายุธยา ในรัชกาลต่อๆ มา ก็ไม่ได้เสด็จมาประทับที่เมืองนี้อีก จนกระทั่งถึงรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ใน พ.ศ. 2406 โปรดฯ ให้บูรณะเมืองลพบุรี ซ่อมกำแพง ป้อม และประตูพระราชวังที่ชำรุดทรุดโทรม และสร้างพระที่นั่งพิมานมงกุฎขึ้นในพระราชวังเป็นที่ประทับ และพระราชทานนามว่า “<strong>พระนารายณ์ราชนิเวศน์</strong>” ลพบุรีจึงแปรสภาพเป็นเมืองสำคัญอีกวาระหนึ่ง </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>ภาย หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ลพบุรีได้รับการทำนุบำรุงอีกครั้งหนึ่งในสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งได้สร้างเมืองลพบุรีใหม่ อันเป็นเมืองทหารอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของทางรถไฟ มีอาณาเขตกว้างขวาง ส่วนเมืองเก่านั้น อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของทางรถไฟ เมืองลพบุรีจึงเป็นศูนย์กลางสำคัญทางยุทธศาสตร์เมืองหนึ่ง ในปัจจุบันนี้ </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><span class="style26">อาณาเขตและการปกครอง</span></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p><strong>ลพบุรี</strong> อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 153 กม. มีเนื้อที่ทั้งหมด 6,199.753 ตารางกิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อจังหวัดต่างๆ ดังนี้ </p><p><u>ทิศเหนือ</u> จดจังหวัดเพชรบูรณ์ และนครสวรรค์<br /> <u>ทิศใต้</u> จดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และสระบุรี<br /> <u>ทิศตะวันออก</u> จดจังหวัดนครราชสีมา และชัยภูมิ<br /> <u>ทิศตะวันตก</u> จดจังหวัดสิงห์บุรี อ่างทอง และนครสวรรค์<br /> </p><p><strong>จังหวัดลพบุรี</strong> แบ่งการปกครองออกเป็น 11 อำเภอ คือ อำเภอเมืองลพบุรี อำเภอโคกสำโรง อำเภอบ้านหมี่ อำเภอชัยบาดาล อำเภอท่าวุ้ง อำเภอพัฒนานิคม อำเภอท่าหลวง อำเภอสระโบสถ์ อำเภอโคกเจริญ กิ่งอำเภอลำสนธิ และกิ่งอำเภอหนองม่วง </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><span class="style26">หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 036)</span></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><table border="0" width="80%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ททท.สำนักงานภาคกลาง เขต 7 จ.ลพบุรี</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>312-282 , 312-284</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ศาลากลางจังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>411-500</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีตำรวจภูธร</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>411-013</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจทางหลวง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>411-622</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีรถไฟ</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>411-022</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ไปรษณีย์จังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>411-011</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ชุมสายโทรศัพท์</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>411-114</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีดับเพลิง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>411-111</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ลพบุรี</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>411-267</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.บ้านหมี่</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>471-270</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.โคกสำโรง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>441-300</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ชัยบาดาล</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>461-414</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.พัฒนานิคม</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>412-990</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ท่าวุ้ง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>413-050</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สาธารณสุขจังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>411-386</p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-25840192327766198782009-03-29T18:00:00.003-07:002009-03-30T10:29:48.800-07:00<table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><div align="center"><span class="style40">" คนสวยโพธาราม คนงามบ้านโป่ง เมืองโอ่งมังกร วัดขนอนหนังใหญ่ ตื่นใจถ้ำงาม<br /> ตลาดน้ำดำเนิน เพลินค้างคาวร้อยล้าน ย่านยี่สกปลาดี "</span></div></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>ราชบุรี</strong> เป็นเมืองเก่ามาแต่โบราณ ไม่มีเรื่องราวที่เป็นหลักฐานแน่นอนว่าสร้างมาในสมัยใด แต่หลักฐานทางโบราณวัตถุและโบราณสถานที่มีอยู่ พอจะเชื่อถือได้ว่า ราชบุรีเป็นเมืองๆ หนึ่งในแคว้นสุวรรณภูมิ มีนครปฐมเป็นมหานครซึ่งเรียกว่า “ทวารวดี” จากตำนานทางพุทธศาสนา เมื่อปี พ.ศ. 218 พระเจ้าอโศกมหาราชแห่งประเทศอินเดียได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และได้เผยแพร่พุทธศาสนา สู่แคว้นสุวรรณภูมิโดยสมณทูต มีพระโสณะและพระอุตระเป็นหัวหน้าคณะ โดยใช้นครปฐม หรือทวารวดี เป็นเมืองหลักในการเผยแพร่พุทธศาสนา ตามการสันนิษฐานราชบุรี ซึ่งอยู่ในแคว้นสุวรรณภูมิ ก็คงจะเป็นหัวเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมากแห่งหนึ่ง ตัวเมืองราชบุรีได้มีการย้ายที่ตั้งเมืองมาหลายสมัย จนกระทั่งครั้งที่ 4 ในปี พ.ศ. 2440 ได้ย้ายเมืองมาตั้งยังที่เป็นศาลากลางจังหวัดในปัจจุบัน</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>อาณาเขตและการปกครอง :</strong> </td> </tr> <tr> <td><p><u>ทิศเหนือ</u> ติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี<br /> <u>ทิศใต้</u> ติดต่อจังหวัดเพชรบุรี<br /> <u>ทิศตะวันออก</u> ติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม และนครปฐม<br /> <u>ทิศตะวันตก</u> ติดต่อสหภาพพม่า</p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p><strong>ราชบุรี</strong> มีเนื้อที่ทั้งสิ้นประมาณ 5,196.462 ตารางกิโลเมตร และแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 9 อำเภอ ดังนี้ คือ อำเภอเมืองราชบุรี อำเภอโพธาราม อำเภอดำเนินสะดวก อำเภอปากท่อ อำเภอจอมบึง อำเภอบางแพ อำเภอวัดเพลง อำเภอสวนผึ้ง และอำเภอบ้านโป่ง </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอต่าง ๆ</strong></td> </tr> <tr> <td>- อำเภอวัดเพลง 15 กิโลเมตร<br /> - อำเภอปากท่อ 22 กิโลเมตร<br /> - อำเภอบางแพ 22 กิโลเมตร<br /> - อำเภอโพธาราม 26 กิโลเมตร<br /> - อำเภอจอมบึง 30 กิโลเมตร<br /> - อำเภอบ้านโป่ง 42 กิโลเมตร<br /> - อำเภอดำเนินสะดวก 50 กิโลเมตร<br /> - อำเภอสวนผึ้ง 60 กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 032)</strong></td> </tr> <tr> <td><table border="0" width="85%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ททท.สำนักงานภาคกลาง เขต 2 จ.เพชรบุรี</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>471-005-6</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>สำนักงานจังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>337-890</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ที่ว่าการอำเภอเมือง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>337-015</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>เทศบาลเมือง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>337-076</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจท่องเที่ยว</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>1155</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจทางหลวง ส.ทล.2 กก.2 จ.เพชรบุรี</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>425-005</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>337-195</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ไปรษณีย์จังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>337-618</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีรถไฟ</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>337-002</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีขนส่งจังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>338-439 , 338-276</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ราชบุรี</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>337-272-3</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.บ้านโป่ง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>211-408-9</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.โพธาราม</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>231-311-2</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ดำเนินสะดวก</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>241-102-3</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.จอมบึง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>261-553</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.บางแพ</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>381-148</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.วัดเพลง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>399-290</p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-49697332573041660702009-03-29T18:00:00.001-07:002009-03-30T10:29:48.808-07:00<table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><span class="style27">จังหวัดเพชรบุรี :: สถานที่ท่องเที่ยว อำเภอเมือง </span></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p><strong>อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง)</strong><br />เป็นโบราณสถานเก่าแก่คู่เมืองเพชรบุรี ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง 92 เมตร เดิมเรียกว่า เขาสมนหรือเขาคีรี พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพอพระราชหฤทัยที่จะสร้างพระราชวัง สำหรับเสด็จแปรพระราชฐานขึ้นบนยอดเขาแห่งนี้ จึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาเพชรนิสัยศรีสวัสดิ์ ปลัดเมืองเพชรบุรีเป็นนายงานก่อสร้างจนสำเร็จเรียบร้อยเมื่อปี พ.ศ. 2403 ทรงพระราชทานนามว่าพระนครคีรี แต่ชาวเมืองเพชรเรียกกันติดปากว่าเขาวัง สืบมาจนบัดนี้<br /> <br />พระนครคีรีมีพระที่นั่ง พระตำหนัก วัด และกลุ่มอาคารต่าง ๆ มากมาย ส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมตะวันตก แบบนิโอคลาสสิค ผสมสถาปัตยกรรมจีน ตั้งอยู่บนยอดเขาใหญ่ ๆ 3 ยอดด้วยกัน ดังนี้ </p><p><strong>ยอดเขาด้านทิศตะวันออก</strong><br />บริเวณไหล่เขาเป็นที่ตั้งของวัดมหาสมณาราม ภายในพระอุโบสถมีภาพเขียนฝีมือขรัวอินโข่งบนผนังทั้งสี่ด้าน เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา ส่วนบนยอดเขาเป็นที่ตั้งของวัดพระแก้ว เป็นวัดประจำพระราชวังพระนครคีรี เช่นเดียวกับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งเป็นวัดประจำพระบรมมหาราชวังในกรุงเทพฯ ภายในวัดพระแก้วประกอบด้วยพระอุโบสถขนาดเล็ก ประดับด้วยหินอ่อน ด้านหลังเป็นพระพุทธเสลเจดีย์ ด้านหน้าพระอุโบสถเป็นหอระฆังรูปสี่เหลี่ยมย่อมุมขนาดเล็ก </p><p><strong>เขายอดกลาง</strong><br />เป็นที่ประดิษฐานพระธาตุจอมเพชร มีความสูง 40 เมตร บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายใน จากจุดนี้สามารถมองเห็นพระที่นั่งต่าง ๆ บนยอดเขาอีก 2 ยอด รวมทั้งทิวทัศน์ของตัวเมืองเพชรบุรีได้อีกด้วย </p><p><strong>ยอดเขาด้านทิศตะวันตก </strong><br />เป็นที่ตั้งของพระราชวังที่ประทับอันได้แก่ พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ พระที่นั่งปราโมทย์มไหสวรรย์ พระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท พระที่นั่งราชธรรมสภา หอชัชชวาลเวียงชัย หอพิมานเพชรมเหศวร ตำหนักสันถาคารสถาน หอจตุเวทปริตพจน์ ศาลาทัศนา-นักขัตฤกษ์ นอกจากนี้แล้วยังมีโรงรถ โรงม้า ศาลามหาดเล็ก ศาลาลูกขุน ศาลาต่าน ศาลาเย็นใจ ทิมดาบ โรงครัว ตามแบบพระราชวังทั่วไป รอบพระราชวังมีป้อมล้อมอยู่ทั้ง 4 ทิศคือ ป้อมทศรถป้องปากทางทิศตะวันออก ป้อมวรุฬหกบริรักษ์ทางทิศใต้ ป้อมวิรุฬปักษ์ป้องกันทางทิศตะวันตก และป้อมเวสสุวรรณรักษาทางทิศเหนือ<br /> <br />กรมศิลปากรได้ใช้บางส่วนของพระราชวัง บนยอดเขาด้านทิศตะวันตกนี้จัดตั้งเป็น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครคีรี ภายในเก็บรักษาโบราณวัตถุต่าง ๆ ได้แก่ เครื่องราชูปโภคของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รูปหล่อโลหะสำริด และทองเหลืองที่ใช้สำหรับตกแต่งห้องต่าง ๆ ในพระที่นั่ง และเครื่องกระเบื้องของจีน ญี่ปุ่น และยุโรป เฉพาะส่วนของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินี้ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ทุกวันเว้นวันจันทร์ และวันอังคาร<br /> <br />อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 08.30-16.30 น. ค่าเข้าชม (รวมค่าเข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครคีรี) ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 20 บาท นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นชมเขาวังได้โดยการเดินขึ้น หรือโดยสารรถรางไฟฟ้า (ตั๋วไป-กลับ รวมค่าเข้าชมทั้งหมด) เสียค่าบริการ ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 40 บาท </p><p><strong>วัดพระพุทธไสยาสน์</strong><br />ตั้งอยู่เชิงเขาวังด้านทิศใต้ เป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยา ประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ที่มีลักษณะงดงาม และมีขนาดใหญ่เป็นหนึ่งในสี่ของประเทศ </p><p><strong>เขาบันไดอิฐ </strong><br />เป็นเขาขนาดย่อมมียอดสูง 121 เมตร อยู่ห่างจากเขาวังประมาณ 2 กิโลเมตร บนยอดเขามีวัดเก่าแก่สมัยอยุธยา ชื่อวัดเขาบันไดอิฐ อันเป็นสำนักวิปัสสนากรรมฐานที่มีชื่อเสียงมาแต่เดิม ในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยานั้น เจ้าอธิการแสงแห่งวัดเขาบันไดอิฐ มีชื่อเสียงในด้านกรรมฐานมาก สมเด็จพระเจ้าเสือเคยทรงฝากตัวเป็นศิษย์ นอกจากวัดเขาบันไดอิฐ ถ้ำแรก คือ “ถ้ำประทุน” มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ตามผนังถ้ำทั้งสองด้าน ลึกเข้าไปจะเป็นถ้ำ “พระเจ้าเสือ” ที่ชื่อเช่นนี้เพราะมีเรื่องเล่ากันมาว่า พระเจ้าเสือได้เสด็จมาหาอาจารย์แสง และได้ถวายพระพุทธรูปยืนปางห้ามสมุทรสูงประมาณ 2 เมตร และได้ประดิษฐานไว้ที่ถ้ำนี้ ถ้าหากเดินต่อลึกเข้าไปทางด้านใต้จะมีบันไดลงสู่ถ้ำอีกคูหาหนึ่ง มีชื่อเรียกว่า ถ้ำพระพุทธไสยาสน์ ด้วยมีพระนอนองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ มีพุทธลักษณะที่งดงาม และตรงซอกผนังถ้ำมีประทุนเรือ ทำด้วยไม้เก่าแก่มาก เป็นประทุนเรือที่พระเจ้าเสือถวายอาจารย์แสง นอกจากถ้ำที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เขาบันไดอิฐยังมีถ้ำอีกมากมาย เช่น ถ้ำพระอาทิตย์ พระจันทร์ ถ้ำสว่างอารมณ์ ถ้ำช้างเผือก และถ้ำดุ๊ค ซึ่งมีชื่อตามดุ๊คโยฮันฮัลเบิร์ต ผู้สำเร็จราชการเมืองปอร์นสวิค ผู้เคยมาเยือนเพชรบุรีและมาเที่ยวถ้ำแห่งนี้ </p><p><strong>ถ้ำเขาหลวง </strong><br />อยู่บนเขาหลวง ห่างจากเขาวังประมาณ 5 กิโลเมตร จากเชิงเขามีบันไดคอนกรีตนำสู่ทางลงถ้ำ เขาหลวงเป็นภูเขาขนาดเล็กมียอดสูงสุดเพียง 92 เมตร มีหินงอกหินย้อยสีสันสวยงาม ภายในมีปล่องที่แสงอาทิตย์สามารถส่องเข้ามาภายในถ้ำได้ทำให้สวยงามยิ่งขึ้น สำหรับถ้ำเขาหลวงถือเป็นถ้ำใหญ่ และสำคัญที่สุดของจังหวัด ภายในถ้ำประดิษฐานพระพุทธรูปฉลองพระองค์อันสำคัญยิ่ง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถ้ำแห่งนี้เคยเป็นที่เสด็จประพาสมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดถ้ำเขาหลวงมาก ได้ทรงบูรณะพระพุทธรูปเก่าแก่ที่มีมาแต่โบราณภายในถ้ำนี้หลายองค์ด้วยกัน และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างบันไดหินลงไปในถ้ำ </p><p>ตรงทางเข้าเชิงเขาหลวงด้านขวา มือมีวัดใหญ่อยู่วัดหนึ่ง ชาวเมืองเรียกว่า “วัดถ้ำแกลบ” ปัจจุบันชื่อ “วัดบุญทวี” ซึ่งเป็นวัดใหญ่ น่าชมมาก เพราะท่านเจ้าอาวาสวัดนี้เป็นช่าง ได้ออกแบบและสร้างศาลาการเปรียญที่ใหญ่โต ประตูโบสถ์เป็นไม้สลักลายสวยงามมาก วัดถ้ำแกลบนี้มีตำนานเล่าว่า ปากถ้ำแกลบที่วัดนี้คือ ทางเข้าสู่เมือลับแลอันเป็นเมืองที่มีแต่หญิงสาวทั้งนั้น แต่ก็เป็นเพียงตำนานของชาวเมืองเพชรนับร้อยปีมาแล้ว </p><p><strong>วัดมหาธาตุวรวิหาร </strong><br />อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 500 เมตร เป็นวัดเก่าแก่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเพชรบุรีฝั่งตะวันตก ภายในวัดแบ่งเขตพุทธวาสออกจากเขตสังฆาวาส สิ่งที่น่าสนใจในวัด ได้แก่ ปรางค์ห้ายอด เป็นปรางค์ก่ออิฐฉาบปูน สร้างตามคติมหายานถวายพระธยานิพุทธทั้งห้า ซึ่งทำรูปจำลองประดิษฐานอยู่บนยอดปรางค์แต่ละองค์ สันนิษฐานว่าเดิมปรางค์ห้ายอดนี้ คงจะเป็นพระเจดีย์ห้ายอดเช่นเดียวกับที่เมืองนครศรีธรรมราช แล้วมาแก้ไขเป็นปรางค์ในสมัยหลัง ภายในปรางค์ใหญ่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ ภาพปูนปั้นต่าง ๆ ในวิหารหลวงและพระอุโบสถ ฝีมือช่างเมืองเพชร ซึ่งหาดูได้ยาก นอกจากนั้นในวิหารยังบรรจุพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเพชรบุรีนับถือมาก คือ รูปหลวงพ่อวัดมหาธาตุ รูปหลวงพ่อบ้านแหลม และรูปหลวงพ่อวัดเขาตะเครา </p><p><strong>วัดใหญ่สุวรรณาราม</strong><br />อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 1 กิโลเมตร วัดนี้ปฏิสังขรณ์ ในสมัยสมเด็จพระเจ้าเสือ หรือพระศรีสรรเพชรที่ 8 โดยสมเด็จพระสังฆราชแตงโม ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีการปฏิสังขรณ์ และสร้างพระระเบียงคดรอบพระอุโบสถที่ไม่มีหน้าต่าง ภายในมีภาพเขียนเทพชุมนุมที่แปลกกว่าที่อื่น ภาพเขียนนี้มีอายุกว่า 300 ปีมาแล้ว </p><p><strong>ศาลาการเปรียญ </strong><br />เป็นเรือนไม้สักทั้งหลัง เดิมเป็นพระที่นั่งองค์หนึ่งในพระราชวังที่อยุธยา ซึ่งสมเด็จพระเจ้าเสือได้ทรงถวายแก่สมเด็จพระสังฆราช ศาลาการเปรียญวัดนี้มีความสวยงามมาก ฝีมือการแกะสลักไม้อ่อนช้อยงดงาม โดยเฉพาะที่บานประตู ภายในศาลาการเปรียญมีธรรมาสน์เทศน์ ซึ่งแกะสลักลงรักปิดทอง รูปทรงเป็นบุษบกที่งดงามและสมบูรณ์ที่สุด </p><p><strong>วัดกำแพงแลง</strong><br />อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 2 กิโลเมตร วัดนี้เดิมเป็นเทวสถานในสมัยขอม สร้างตามลัทธิศาสนาพราหมณ์ ต่อมาเมื่ออิทธิพลของศาสนาพุทธได้แผ่ขยายเข้ามาในบริเวณนั้น จึงได้ดัดแปลงเทวสถานแห่งนี้เป็นศาสนสถานในพุทธศาสนานิกายมหายาน และหินยานตามลำดับ เทวสถานที่สร้างขึ้นเดิมมีปรางค์ 5 หลัง ทำด้วยศิลาแลง ปัจจุบันเหลือเพียง 4 หลัง สันนิษฐานว่าปรางค์แต่ละหลังใช้เป็นที่ประดิษฐานเทวรูป เช่น พระอิศวร พระนารายณ์ พระพรหม พระนางอุมา เพราะเมื่อ พ.ศ. 2499 มีผู้ขุดพบรูปสลักของพระนางอุมาในปรางค์องค์หนึ่งที่พังลง วัดนี้เมื่อดัดแปลงเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนาแล้วได้สร้างพระอุโบสถขึ้น โดยมิได้เปลี่ยนสภาพเดิมไปมากนัก จะเห็นได้ว่ารอบ ๆ วัด ยังมีกำแพงที่ก่อด้วยศิลาแลงล้อมรอบอยู่ </p><p><strong>หาดเจ้าสำราญ </strong><br />อยู่ห่างจากตลาดเมืองเพชรบุรีประมาณ 15 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 3177 เป็นชายหาดที่เคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญมากตั้งแต่สมัยโบราณ ตามประวัติเล่ากันว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เคยเสด็จมาที่นี่พร้อมด้วยสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงพอพระราชหฤทัยในความงามของหาดแห่งนี้มาก ทรงประทับแรมอยู่หลายวัน จนกระทั่งชาวบ้านเรียกหาดนี้ว่า หาดเจ้าสำราญ มาจนปัจจุบัน หาดเจ้าสำราญเจริญถึงขีดสุดในสมัยรัชกาลที่ 6 หาดเจ้าสำราญมีชื่อเสียงกว่าชายทะเลแห่งใดๆ ในเมืองไทยสมัยนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯ ให้สร้างพระตำหนักที่ประทับขึ้น ณ ริมหาดแห่งนี้เรียกว่า พระตำหนักหาดเจ้าสำราญ สำเร็จในปี พ.ศ. 2461 ต่อมารื้อไปสร้างใหม่ที่มฤคทายวัน </p><p><strong>พระรามราชนิเวศน์ หรือ “พระราชวังบ้านปืน”</strong><br />ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านหม้อ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์ให้สร้างด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อเป็นพระราชนิเวศน์สำหรับประทับแรมในฤดูฝน ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดซื้อที่จากราษฎร และให้จอมพลเรือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนคร สวรรค์วรพินิต กับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพเป็นแม่กองจัดการก่อสร้าง สร้างแบบสถาปัตยกรรมยุโรป ออกแบบโดยมิสเตอร์คาลเดอริง ชาวเยอรมัน เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2452 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2459 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า พระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาท และทรงเปลี่ยนเป็นพระรามราชนิเวศน์ ปี พ.ศ. 2461 ใช้เป็นที่รับรองแขกเมือง </p><p>ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า เจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนผู้กำกับลูกเสือ โรงเรียนฝึกหัดครูเกษตรกรรม โรงเรียนประชาบาลประจำตำบล ฯลฯ </p><p>การเข้าชมต้องทำหนังสือล่วง หน้าถึงผู้บังคับการจังหวัดทหารบก กองพันที่ 3 กรมทหารราบที่ 11 อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี 76000 หรืออาจติดต่อที่ป้อมยามแลกบัตร เพื่อขอเข้าชมอย่างไม่เป็นทางการ </p></td></tr></tbody></table><br /><span class="style27"><br />จังหวัดเพชรบุรี :: ข้อมูลทั่วไป</span></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p> <strong>เพชรบุรี</strong> เป็นจังหวัดในภาคกลางที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลอ่าวไทย อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เป็นระยะทาง 123 กิโลเมตร เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน โดยมีชื่อปรากฏอยู่ในศิลาจารึกหลักที่หนึ่งสมัยสุโขทัยและมีหลักฐานทาง โบราณคดี ซึ่งมีอายุย้อนไปถึงสมัยขอมและสมัยทวารวดี ทั้งยังเคยเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญชั้นเมืองลูกหลวงในสมัยอยุธยา<br /> <br /> <strong>เพชรบุรี</strong> มีพื้นที่ 6,255.138 ตารางกิโลเมตร สภาพภูมิประเทศทางด้านทิศตะวันตกเป็นป่าเขาสลับซับซ้อน มีเทือกเขาตะนาวศรีเป็นเส้นกั้นอาณาเขตระหว่างไทยกับสหภาพพม่า เฉพาะในเขตจังหวัดเพชรบุรีมีความยาวประมาณ 120 กิโลเมตร ส่วนทางด้านทิศตะวันออกเป็นที่ราบไปจนจดชายฝั่งทะเลอ่าวไทยซึ่งมีความยาวจาก เหนือจดใต้ ประมาณ 80 กิโลเมตร พื้นที่ของจังหวัดเพชรบุรีมีแม่น้ำสายสำคัญไหลผ่าน 3 สาย ได้แก่ แม่น้ำเพชรบุรี มีความยาวตลอดสาย 227 กิโลเมตร แม่น้ำบางกลอย มีความยาว 44 กิโลเมตร และแม่น้ำบางตะบูน มีความยาว 18 กิโลเมตร<br /> <br />ประชากรจังหวัดเพชรบุรีส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก มีการทำนา สวนผลไม้ ทำน้ำตาลโตนด เลี้ยงสัตว์ และทำการประมง </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><span class="style26">ประวัติและความเป็นมา</span></td> </tr> <tr> <td> <strong>เพชรบุรี</strong> เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ นับเนื่องไปได้เป็นพันปี จากหลักฐานทางโบราณคดี ที่บ่งว่าเคยมีคนอาศัยอยู่ เป็นชุมชนถาวรนั้น มีอายุย้อนไปถึงยุคทวารวดีเลยทีเดียว<br /> <br />ในยุคที่ขอมเรืองอำนาจ อยู่ในดินแดนบางส่วนที่เป็นประเทศไทยในปัจจุบันนี้ คือ ในราว 800 ปีมาแล้วนั้น มีจารึกพระขรรค์ ที่กล่าวถึงเมืองเมืองหนึ่ง ที่ชื่อว่า "ศรีวิชัยวัชรปุระ" เมืองนี้ นักวิชาการหลายท่านเชื่อว่า หมายถึงเมืองเพชรบุรี ด้วยเหตุที่คำว่า วัชรปุระ นั้น เมื่อแผลงอักษร ว เป็น พ ก็จะได้เป็นพัชร หรือ เพชร และ ปุระกับบุรี ก็มีความหมายเหมือนกัน ดังนั้น วัชรปุระ กับ เพชรบุรี ก็คือ คำคำเดียวกันนั่นเอง<br /> <br />ชื่อเมืองเพชรบุรีนี้ จะมีที่มาจากอะไรหรือ มีความหมายเกี่ยวเนื่องมาจากสิ่งใดไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ชื่อ เพชรบุรี นั้น ก็ปรากฎหลักฐาน เป็นลายลักษณ์อักษรว่ามีใช้ในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกันกับชื่อ วัชรปุระ โดยมีกล่าวถึงในจารึกสมัยสุโขทัย อายุกว่า 700 ปีมาแล้ว เป็นเรื่องราวการเดินทางของเชื้อพระวงศ์กษัตริย์สุโขทัยพระองค์หนึ่ง จากศรีลังกา กลับมายังสุโขทัย ในจารึกกล่าวว่า เมื่อขึ้นบกที่เมืองตะนาวศรีแล้ว ท่านได้เดินทางผ่านเพชรบุรี ราชบุรี และอยุธยา เพื่อจะกลับไปยังสุโขทัย<br /> <br />ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา เพชรบุรี มีความเกี่ยวข้องกับตำนานของปฐมกษัตริย์แห่งอยุธยาว่า พระเจ้าอู่ทองนั้น เคยครองเมืองเพชรบุรีมาก่อน แต่ข้อเท็จจริงประการหนึ่งในประวัติศาสตร์ ก็คือ ตลอดสมัยอาณาจักรอยุธยา ซึ่งมีศึกสงครามรบพุ่ง กับรัฐหรือ อาณาจักรใกล้เคียงอยู่แทบจะไม่ว่างเว้นนั้น เพชรบุรี เป็นหัวเมืองสำคัญอย่างยิ่งในสองสถานะ สถานะแรกคือ เป็นแหล่งสะสมเสบียงอาหาร เนื่องจากสภาพภูมิประเทศของเพชรบุรี มีพื้นที่ราบลุ่ม ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูก ทำนา ที่อุดมสมบูรณ์ยิ่ง สถานะที่สอง คือ เป็นเมืองที่มีชัยภูมิดี ทั้งทางบกและทางทะเล ในยามศึก เพชรบุรี เป็นเมืองหน้าด่านทางใต้ ที่สำคัญของอาณาจักรอยุธยา เมื่อพม่ายกทัพมาทางบก โดยใช้เส้นทางช่องสิงขรด้านใต้ ในยามสงบ เพชรบุรี มีฐานะเป็นเมืองหน้าด่าน ที่ช่วยดูแลหัวเมืองปักษ์ใต้ชายทะเล<br /> <br /> <strong>เพชรบุรี</strong> คงดำรงสถานะหัวเมืองสำคัญเช่นนี้ สืบมาจนล่วงเข้าสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ อังกฤษ เข้ายึดครองพม่า ทำให้การสงครามระหว่างพม่า กับไทย ยุติลงอย่างสิ้นเชิง บทบาทหัวเมืองหน้าด่านของ เพชรบุรี จึงเปลี่ยนแปลงไปนับแต่นั้นมา<br /> <br />ในสมัยต่อมา เพชรบุรี ยังคงมีชื่อปรากฎเกี่ยวข้องอยู่กับประวัติศาสตร์ไทยอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวเนื่องด้วย พระมหากษัตริย์ แต่ความสำคัญของเมืองเพชร กลับกลายจากเมืองทางยุทธศาสตร์ มาเป็นเมืองที่ประทับ ในการเสด็จแปรพระราชฐาน ของพระมหากษัตริย์ ถึงสามรัชกาลติดต่อกัน คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ร่องรอยที่เป็นนามธรรม และรูปธรรม ที่ยังคงเหลืออยู่ ได้แก่ ความทรงจำที่เล่าขานกันสืบมา อย่างภาคภูมิใจ ในหมู่ชาวเมืองเพชร และพระราชวังสำคัญสามแห่ง คือ พระนครคีรี พระรามราชนิเวศน์ และพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ที่ยังคงอยู่คู่เมืองเพชรบุรีสืบมา </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><span class="style26">อาณาเขต</span></td> </tr> <tr> <td><p><u>ทิศเหนือ</u> ติดต่อกับอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม และอำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี<br /> <u>ทิศใต้</u> ติดต่อกับอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์<br /> <u>ทิศตะวันออก</u> ติดต่อชายฝั่งทะเลอ่าวไทย<br /> <u>ทิศตะวันตก</u> ติดต่อกับสหภาพพม่า<br /> <br /> <strong>จังหวัดเพชรบุรี</strong> แบ่งการปกครองออกเป็น 8 อำเภอ คืออำเภอเมือง อำเภอเขาย้อย อำเภอ หนองหญ้าปล้อง อำเภอบ้านแหลม อำเภอบ้านลาด อำเภอท่ายาง อำเภอแก่งกระจาน และอำเภอชะอำ</p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><span class="style26">หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 032)</span></td> </tr> <tr> <td><table border="0" width="80%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>งานข่าวสารการท่องเที่ยว ททท. </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>02-694-1222 ต่อ 8 , 02-282-9773</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ททท.ภาคกลางเขต 2 (ชะอำ) </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-471-005-6</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ประชาสัมพันธ์จังหวัด </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-428-047 , 032-425-573</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจท่องเที่ยว </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>1155</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจทางหลวง </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-425-005</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>สภ.อ.เมือง </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-425-500</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สภ.ต.หาดเจ้าสำราญ </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-478-300</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>สภ.อ.แก่งกระจาน </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-459-267</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สภ.อ.เขาย้อย </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-562-500</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>สภ.อ.ชะอำ </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-471-321</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สภ.อ.ท่ายาง </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-461-500</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>สภ.อ.บ้านลาด </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-491-100</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สภ.อ.บ้านแหลม </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-481-500</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>สภ.ต.บางตะบูน </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-489-250</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สภ.อ.หนองหญ้าปล้อง </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-494-364</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ค่ายรามราชนิเวศน์ </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-428-085 , 032-428-506-9</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ผลกำเนิดศิริ </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-425-075</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.พระจอมเกล้า </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-401-251-7</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.เพชรรัชต์ </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-417-070-9</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.เมืองเพชร-ธนบุรี </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-415-191-9</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.วัชรเวช </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-425-592</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.สหแพทย์ </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-427-980 , 032-428-203</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.แก่งกระจาน </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-459-258</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.เขาย้อย </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-562-200</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ชะอำ </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-471-007</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ท่ายาง </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-461-100</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.บ้านลาด </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-491-051</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.บ้านแหลม </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-481-145</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.หนองหญ้าปล้อง </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>032-494-353-4</p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-53009076310352606472009-03-29T17:59:00.005-07:002009-03-30T10:29:48.816-07:00 <table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr> <td><div align="center"><span class="style21">" ราชธานีเก่า อู่ข้าวอู่น้ำ เลิศล้ำกานท์กวี คนดีศรีอยุธยา "</span></div></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>จังหวัดพระนครศรีอยุธยา</strong> หรือเรียกสั้นๆ ว่า “<strong> อยุธยา </strong>” ตั้งอยู่ในภาคกลาง เป็นเมืองหลวงเก่าของไทย สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1893 โดยสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง หรือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ในเวลา 417 ปีที่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี มีกษัตริย์ปกครอง 33 พระองค์ (ไม่รวมขุนวรวงศาธิราช) จาก 5 ราชวงศ์ คือ ราชวงศ์อู่ทอง ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ราชวงศ์สุโขทัย ราชวงศ์ปราสาททอง และราชวงศ์บ้านพลูหลวง นับเป็นราชธานีของไทย ที่มีอายุยืนยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่อยู่ในดินแดนแหลมทองแห่งนี้</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>อยุธยา</strong> มีพื้นที่เป็นที่ลุ่ม มีแม่น้ำสายใหญ่คือ แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำลพบุรีและแม่น้ำเจ้าพระยา ไหลมาบรรจบกัน ในลักษณะล้อมรอบผืนแผ่นดินส่วนใหญ่ของตัวเมืองไว้ ตัวจังหวัดจึงเป็นเกาะ ที่มีบ้านเรือนปลูกเรียงรายหนาแน่น ตามสองข้างฝั่งแม่น้ำ</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>อาณาเขตและการปกครอง :</strong></td> </tr> <tr> <td><strong>อยุธยา</strong> อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 76 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 2,556.6 ตารางกิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดต่างๆ ดังนี้ </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><u>ทิศเหนือ</u> จดจังหวัดลพบุรี อ่างทอง และ สระบุรี<br /> <u>ทิศใต้</u> จดจังหวัดปทุมธานี และ นนทบุรี<br /> <u>ทิศตะวันออก</u> จดจังหวัดสระบุรี<br /> <u>ทิศตะวันตก</u> จดจังหวัดสุพรรณบุรี </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p><strong>อยุธยา</strong> แบ่งการปกครองออกเป็น 16 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอนครหลวง อำเภอภาชี อำเภอบ้านแพรก อำเภอบางซ้าย อำเภอบางไทร อำเภอลาดบัวหลวง อำเภอบางบาล อำเภอมหาราช อำเภอบางปะหัน อำเภอเสนา อำเภออุทัย อำเภอบางปะอิน อำเภอผักไห่ อำเภอท่าเรือ และอำเภอวังน้อย </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอต่างๆ :</strong></td> </tr> <tr> <td>อำเภอท่าเรือ ระยะทาง 60 กิโลเมตร<br /> อำเภอนครหลวง ระยะทาง 20 กิโลเมตร<br /> อำเภอบางไทร ระยะทาง 45 กิโลเมตร<br /> อำเภอบางบาล ระยะทาง 10 กิโลเมตร<br /> อำเภอบางปะอิน ระยะทาง 17 กิโลเมตร<br /> อำเภอบางปะหัน ระยะทาง 13 กิโลเมตร<br /> อำเภอผักไห่ ระยะทาง 29 กิโลเมตร<br /> อำเภอภาชี ระยะทาง 35 กิโลเมตร<br /> อำเภอลาดบัวหลวง ระยะทาง 65 กิโลเมตร<br /> อำเภอวังน้อย ระยะทาง 20 กิโลเมตร<br /> อำเภอเสนา ระยะทาง 20 กิโลเมตร<br /> อำเภอบางซ้าย ระยะทาง 34 กิโลเมตร<br /> อำเภออุทัย ระยะทาง 15 กิโลเมตร<br /> อำเภอมหาราช ระยะทาง 25 กิโลเมตร<br /> อำเภอบ้านแพรก ระยะทาง 53 กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>ระยะทางจากจังหวัดอยุธยาไปยังจังหวัดใกล้เคียง</strong></td> </tr> <tr> <td>- กรุงเทพฯ ระยะทาง 76 กิโลเมตร<br /> - สระบุรี ระยะทาง 63 กิโลเมตร<br /> - สุพรรณบุรี ระยะทาง 53 กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 035)</strong></td> </tr> <tr> <td><table border="0" width="85%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สำนักงานจังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>241-340</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ททท.สำนักงานภาคกลางเขต 6 จ.พระนครศรีอยุธยา</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>246-076-7</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1 กก. ประตูน้ำพระอินทร์</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>361-059</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจท่องเที่ยว</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>1155 , 242-352</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีตำรวจภูธร</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>241-001 , 241-608 , 241-663</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีขนส่งจังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>335-304</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีรถไฟ</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>241-521</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.พระนครศรีอยุธยา</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>242-987</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.พระนครอยุธยา</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>243-762</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ราชธานี</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>255-350-6</p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-42369732320899756242009-03-29T17:59:00.003-07:002009-03-30T10:29:48.823-07:00<table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><div align="center"><span class="style37">" ศรีมหาโพธิคู่บ้าน ไผ่ตงหวานคู่เมือง ผลไม้ลือเลื่อง เขตเมืองทวารวดี "</span></div></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>ปราจีนบุรี เป็นจังหวัดชายแดนอยู่ทางทิศด้านตะวันออก ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 135 กิโลเมตร มีเนื้อที่ทั้งสิ้นประมาณ 4,762 ตารางกิโลเมตร เคยเป็นดินแดนที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยทวารวดี และต่อเนื่องมาจนถึงสมัยลพบุรี ประมาณ 800 ปี ก่อนปรากฏหลักฐานเป็นซากเมืองโบราณที่เรียกว่า “เมืองศรีมโหสถ” ที่ตำบลโคกปีบ อำเภอศรีมโหสถ และทางด้านทิศตะวันออกของเมืองศรีมโหสถ ที่บริเวณบ้านโคกขวาง อำเภอศรีมหาโพธิ ยังมีชุมชนโบราณมีอายุร่วมสมัยเดียวกันกับเมืองศรีมโหสถอีกด้วย บริเวณซากเมืองโบราณเหล่านี้มีซากโบราณสถานซึ่งใช้ประกอบพิธีกรรม ศาสนกิจ และโบราณวัตถุ ได้แก่ พระพุทธรูป เทวรูป เครื่องปั้นดินเผา เครื่องสำริด ซึ่งเป็นเครื่องมือ และเครื่องใช้กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>ต่อ มาศูนย์กลางความเจริญได้ย้ายมาตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกงดังเช่นปัจจุบัน ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เรียกว่า “เมืองปราจีน” ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นก็ยังเรียกว่า “เมืองปราจิณ” หรือ “มณฑลปราจิณ” จวบจนในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดระเบียบการปกครองแผ่นดินตามแบบต่างประเทศ และมณฑลปราจิณได้ถูกยุบเลิก คงมีฐานะเป็นเพียง หัวเมืองเมืองหนึ่ง ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนคำว่า “เมือง” เป็น “จังหวัด” จึงมีชื่อเรียกใหม่ว่า จังหวัดปราจีนบุรี </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>อาณาเขตและการปกครอง :</strong> </td> </tr> <tr> <td><u>ทิศเหนือ</u> ติดต่อกับจังหวัดนครราชสีมา<br /> <u>ทิศใต้</u> ติดต่อกับจังหวัดฉะเชิงเทรา<br /> <u>ทิศตะวันออก</u> ติดต่อกับจังหวัดสระแก้ว<br /> <u>ทิศตะวันตก</u> ติดต่อกับจังหวัดนครนายก</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p>จังหวัด ปราจีนบุรีแบ่งการปกครองออกเป็น 7 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอบ้านสร้าง อำเภอ ประจันตคาม อำเภอศรีมโหสถ อำเภอศรีมหาโพธิ อำเภอกบินทร์บุรี และอำเภอนาดี </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>ระยะทางจากอำเภอเมืองปราจีนบุรีไปยังอำเภอต่าง ๆ</strong></td> </tr> <tr> <td>อำเภอบ้านสร้าง 20 กิโลเมตร<br /> อำเภอศรีมโหสถ 20 กิโลเมตร<br /> อำเภอศรีมหาโพธิ 21 กิโลเมตร<br /> อำเภอประจันตคาม 30 กิโลเมตร<br /> อำเภอกบินทร์บุรี 60 กิโลเมตร<br /> อำเภอนาดี 78 กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>ระยะทางจากจังหวัดปราจีนบุรีไปยังจังหวัดใกล้เคียง</strong></td> </tr> <tr> <td>นครนายก 29 กิโลเมตร<br /> ฉะเชิงเทรา 76 กิโลเมตร<br /> สระแก้ว 98 กิโลเมตร<br /> ระยอง 186 กิโลเมตร<br /> นครราชสีมา 194 กิโลเมตร<br /> จันทบุรี 245 กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>นอกจากนั้นที่บริเวณสี่แยกเนินหอมมีรถโดยสารประจำทาง หรือจะเช่ารถไปยังแก่งหินเพิง หรือน้ำตกต่าง ๆ และสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ได้</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 037)</strong></td> </tr> <tr> <td><table cellpadding="0" cellspacing="0" width="80%"> <tbody><tr> <td><p>ททท.สำนักงานภาคกลางเขต 8 จ.นครนายก</p></td> <td><p>312-282 , 312-284</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>ศาลากลางจังหวัด</p></td> <td><p>211-013</p></td> </tr> <tr> <td><p>สำนักงานจังหวัด</p></td> <td><p>211-582</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>สถานีตำรวจภูธร อ.เมือง</p></td> <td><p>211-135 , 211-058</p></td> </tr> <tr> <td><p>ตำรวจท่องเที่ยว</p></td> <td><p>1155</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>ตำรวจทางหลวง ส.ทล.5 กก.3 กบินทร์บุรี</p></td> <td><p>213-498</p></td> </tr> <tr> <td><p>ตู้ยามปราจีนบุรี</p></td> <td><p>211-622</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>สถานีขนส่งจังหวัด</p></td> <td><p>211-292</p></td> </tr> <tr> <td><p>สถานีรถไฟ</p></td> <td><p>211-120</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์</p></td> <td><p>211-289 , 211-446</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.กบินทร์บุรี</p></td> <td><p>281-197</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.สระแก้ว</p></td> <td><p>241-012</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.อรัญประเทศ</p></td> <td><p>321-190</p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-56349575399033064442009-03-29T17:59:00.001-07:002009-03-30T10:29:48.828-07:00<table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><div align="center"><span class="style38">"เมืองทองเนื้อเก้า มะพร้าว สัปปะรด สวยสด หาด เขา ถ้ำ งามล้ำน้ำใจ"</span></div></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><div align="center"><span class="style38">" สัปปะรดหวาน น้ำตาลขาว มะพร้าวหอม น้ำผึ้งเดือนห้า น้ำปลากลมกล่อม<br /> น้ำทะเลใส น้ำใจโอบอ้อมอารี "</span></div></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>ประจวบ คีรีขันธ์เป็นจังหวัดในภาคกลางตอนล่างซึ่งมีเขตแดนติดต่อกับภาคใต้จากหลัก ฐานทางประวัติศาสตร์ ประจวบคีรีขันธ์ เคยเป็นที่ตั้งของเมืองนารัง สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี แต่ได้ร้างไปเมื่อครั้งกรุงแตก ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ได้ตั้งเมืองขึ้นใหม่ที่ปากคลองอีรม ชื่อว่าเมืองบางนางรม และในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้รวมเมืองบางนางรม เมืองกุย และเมืองคลองวาฬเป็นเมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งแปลว่าเมืองที่มีภูเขาเป็นหมู่ ๆ โดยมีที่ว่าการเมืองอยู่ที่เมืองกุย จนกระทั่ง พ.ศ.2441 จึงย้ายที่ว่าการมาอยู่ที่อ่าวเกาะหลักหรืออ่าวประจวบ ซึ่งเป็นที่ตั้งของตัวเมืองประจวบคีรีขันธ์ในปัจจุบัน </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>อาณาเขตและการปกครอง :</strong> </td> </tr> <tr> <td><u>ทิศเหนือ</u> จดจังหวัดเพชรบุรี<br /> <u>ทิศใต้</u> จดจังหวัดชุมพร<br /> <u>ทิศตะวันออก</u> จดอ่าวไทย<br /> <u>ทิศตะวันตก</u> จดประเทศพม่า โดยมีเทือกเขาตะนาวศรีเป็น เส้นกั้นพรมแดน</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ มีพื้นที่รวมทั้งหมด 6,367.620 ตารางกิโลเมตร ซึ่งมีลักษณะพื้นที่แคบ เป็นคาบสมุทรยาวลงไปทางใต้ โดยมีส่วนที่แคบที่สุดจากเขตแดนไทย-พม่า จนถึงฝั่งทะเลเป็นระยะทาง 11 กิโลเมตร และมีความยาวจากเหนือจดใต้เป็นระยะทาง 212 กิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 7 อำเภอ และ 1 กิ่งอำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี อำเภอกุยบุรี อำเภอทับสะแก อำเภอบางสะพาน อำเภอบางสะพานน้อย และกิ่งอำเภอสามร้อยยอด</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอต่าง ๆ</strong></td> </tr> <tr> <td>อำเภอเมือง-อำเภอกุยบุรี 30 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอทับสะแก 42 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอปราณบุรี 57 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอบางสะพาน 75 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอหัวหิน 90 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอบางสะพานน้อย 112 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอกิ่งอำเภอสามร้อยยอด 45 กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 032)</strong></td> </tr> <tr> <td><table cellpadding="0" cellspacing="0" width="80%"> <tbody><tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>สำนักงานจังหวัด</p></td> <td><p>601-560</p></td> </tr> <tr> <td><p>ประชาสัมพันธ์จังหวัด</p></td> <td><p>602-019</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว</p></td> <td><p>611-491</p></td> </tr> <tr> <td><p>ศูนย์บริการข่าวสารการท่องเที่ยว</p></td> <td><p>512-120</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง</p></td> <td><p>611-148</p></td> </tr> <tr> <td><p>สถานีรถไฟประจวบคีรีขันธ์</p></td> <td><p>611-175</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.ประจวบคีรีขันธ์</p></td> <td><p>611-053, 601-060-4</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.หัวหิน</p></td> <td><p>511-743</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.ปราณบุรี</p></td> <td><p>621-757</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.กุยบุรี</p></td> <td><p>688-557-8</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.ทับสะแก</p></td> <td><p>671-122</p></td> </tr> <tr> <td><p>ที่ว่าการอำเภอหัวหิน</p></td> <td><p>511-125</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>สถานีขนส่งอำเภอหัวหิน</p></td> <td><p>511-230</p></td> </tr> <tr> <td><p>สถานีรถปรับอากาศชั้นหนึ่ง</p></td> <td><p>511-654, 512-543</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>สถานีตำรวจภูธรอำเภอหัวหิน</p></td> <td><p>511-027</p></td> </tr> <tr> <td><p>สถานีรถไฟหัวหิน</p></td> <td><p>511-073</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>สนามบินหัวหิน</p></td> <td><p>520-179</p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-42978913508864960482009-03-29T17:58:00.008-07:002009-03-30T10:29:48.833-07:00 <table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr> <td><div align="center"><span class="style29">" เมืองก๋วยเตี๋ยวเรือ กุ้งเต้น ส้มเขียวหวาน ลอนตาลสด "</span></div></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>จังหวัด ปทุมธานี เป็นจังหวัดในภาคกลางของประเทศไทย มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน ตัวเมืองอยู่ห่างกรุงเทพฯประมาณ 46 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 1,565.856 ตารางกิโลเมตร แบ่งเขตการปกครองเป็น 7 อำเภอ คือ อำเภอเมืองปทุมธานี อำเภอสามโคก อำเภอลาดหลุมเเก้ว อำเภอธัญบุรี อำเภอหนองเสือ อำเภอคลองหลวง และอำเภอลำลูกกา</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p>พื้นที่ ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มอันอุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านใจกลางจังหวัด ในเขตอำเภอเมืองและอำเภอสามโคก มีลำคลองธรรมชาติและคลองชลประทานหลายสาย เช่น คลองควาย คลองเชียงรากน้อย คลองบางเตย คลองบางโพธิ์ คลองแม่น้ำอ้อม คลองบางหลวง คลองรังสิตประยูรศักดิ์ คลองรพีพัฒน์ คลองหกวา ฯลฯ </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>จังหวัด ปทุมธานีเดิมชื่อ “เมืองสามโคก” เป็นเมืองที่ตั้งมาตั้งแต่ สมัยกรุงศรีอยุธยา ในแผ่นดินของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง เมื่อปี พ.ศ. 2175 มาในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้โปรดเกล้าฯ ให้ครอบครัวมอญที่ถูกอพยพต้อนมาจากเมืองเมาะตะมะ ไปทำมาหากิน ที่บ้านสามโคกนี้ ใกล้กับวัดสิงห์ เขตอำเภอสามโคกปัจจุบัน ในปัจจุบันยังมีโคกดินโบราณสำหรับเผาโอ่ง อ่างของชาวมอญในสมัยโบราณเหลืออยู่เพียง 2 โคก การอพยพชาวมอญ มาอยู่ที่เมืองนี้ ยังมีในสมัยของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี (พ.ศ. 2317) และพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (พ.ศ. 2358) ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยนั้น พระองค์ได้เสด็จประพาสเมืองสามโคก ได้มีพสกนิกรจำนวนมากสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ นำดอกบัวหลวงขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายอย่างเนืองแน่น จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามเมืองใหม่เพื่อให้เป็นสิริมงคลว่า “ประทุมธานี” และต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเปลี่ยนการสะกดนามจังหวัดเป็น “ปทุมธานี”</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>อาณาเขต :</strong></td> </tr> <tr> <td><u>ทิศเหนือ</u> ติดกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และสระบุรี<br /> <u>ทิศใต้</u> ติดกับจังหวัดนนทบุรี และกรุงเทพมหานคร<br /> <u>ทิศตะวันออก</u> ติดกับจังหวัดนครนายก และฉะเชิงเทรา<br /> <u>ทิศตะวันตก</u> ติดกับจังหวัดนนทบุรี</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 02)</strong></td> </tr> <tr> <td><table cellpadding="0" cellspacing="0" width="80%"> <tbody><tr> <td><p>สำนักงานจังหวัดปทุมธานี</p></td> <td><p>581-6038</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>ททท. สำนักงานภาคกลาง เขต 6 จ.พระนครศรีอยุธยา</p></td> <td><p>(035) 246-076-7</p></td> </tr> <tr> <td><p>ตำรวจท่องเที่ยว</p></td> <td><p>1155</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>ตำรวจทางหลวง หน่วยสอบสวนรังสิต</p></td> <td><p>516-2773</p></td> </tr> <tr> <td><p>สถานีตำรวจภูธร อ.เมือง</p></td> <td><p>581-6117</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>สถานีขนส่งจังหวัด</p></td> <td><p>581-6645</p></td> </tr> <tr> <td><p>ไปรษณีย์จังหวัด</p></td> <td><p>581-6017</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.ปทุมธานี</p></td> <td><p>581-6416 , 581-3414</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.ลำลูกกา</p></td> <td><p>563-1011</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.ธัญบุรี</p></td> <td><p>577-1668</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.ลาดหลุมแก้ว</p></td> <td><p>599-1650</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.สามโคก</p></td> <td><p>593-1661</p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-3497460335870119112009-03-29T17:58:00.007-07:002009-03-30T10:29:48.837-07:00<table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><div align="center"><span class="style28">" พระตำหนักสง่างาม ลือนามสวนสมเด็จ เกาะเกร็ดแหล่งดินเผา วัดเก่านามระบือ<br /> เลื่องลือทุเรียนนนท์ งามน่ายลศูนย์ราชการ "</span></div></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>จังหวัดนนทบุรี</strong> ตั้งอยู่ในภาคกลางเป็นจังหวัดหนึ่งใน 5 จังหวัดปริมณฑล คือ นนทบุรีสมุทรปราการ นครปฐม สมุทรสาคร และปทุมธานี มีเนื้อที่ประมาณ 622 ตารางกิโลเมตร มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่า และแบ่งพื้นที่ของจังหวัดออกเป็น 2 ส่วน ขนาดของจังหวัดเมื่อเปรียบเทียบกับจังหวัดในภาคกลางแล้ว มีขนาดเกือบจะเล็กที่สุดยกเว้นจังหวัดสมุทรสงคราม </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>เมือง นนทบุรีมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 400 ปี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีคูคลองน้อยใหญ่มากมาย มีเนื้อที่ประมาณ 622.303 ตารางกิโลเมตร เป็นเมืองเก่าแก่ สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เดิมตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านตลาดขวัญ ซึ่งเป็นสวนผลไม้ที่ขึ้นชื่อในสมัยนั้น ได้รับการยกฐานะเป็นเมืองนนทบุรี เมื่อ พ.ศ. 2092 รัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ต่อมาในปี พ.ศ. 2179 พระเจ้าปราสาททองโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองลัดตอนใต้วัดท้ายเมืองไปทะลุวัดเขมา เพราะเดิมนั้น แม่น้ำเจ้าพระยาไหลวกเข้าแม่น้ำอ้อมมาทางบางใหญ่วกเข้าคลองบางกรวยข้างวัดชล อ มาออกหน้าวัดเขมา เมื่อขุดคลองลัดแล้ว แม่น้ำก็เปลี่ยนทางเดินไหลเข้าคลองลัดที่ขุดใหม่ กลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาใหม่ดังปัจจุบันนี้ เมื่อ พ.ศ. 2208 สมเด็จพระนารายณ์ทรงเห็นว่า แม่น้ำเปลี่ยนทางเดินใหม่นั้น ทำให้ข้าศึกประชิดพระนครได้ง่าย จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างป้อมปราการตรงปากแม่น้ำอ้อม และโปรดฯ ให้ย้ายเมืองนนทบุรีมาอยู่ปากแม่น้ำอ้อมด้วย ยังมีศาลหลักเมืองปรากฏอยู่ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 แห่ง กรุงรัตนโกสินทร์ โปรดฯ ให้ย้ายเมืองนนทบุรี ไปตั้งที่ปากคลองบางซื่อบ้านตลาดขวัญ และในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดฯ ให้ตั้งศาลากลางเมือง ขึ้นที่ปากคลองบางซื่อ ฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยา จนถึงปี พ.ศ. 2471 รัชกาลที่ 7 ทรงโปรดฯ ให้ย้ายศาลากลางมาตั้งที่ราชวิทยาลัย บ้านบางขวาง ตำบลบางตะนาวศรี ปัจจุบันเป็นที่ตั้งกองฝึกอบรม กระทรวงมหาดไทย ตั้งอยู่บนถนนประชาราษฎร์ สาย 1 อำเภอเมือง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปตามอาคารประดับด้วยไม้ฉลุ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา กรมศิลปากรได้ขึ้นบัญชีเป็นโบราณสถานแห่งหนึ่ง และในปัจจุบันศาลากลางจังหวัดนนทบุรี ได้ย้ายที่ทำการมาอยู่ที่ถนนรัตนาธิเบศร์ </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>อาณาเขตและการปกครอง :</strong></td> </tr> <tr> <td><u>ทิศเหนือ</u> ติดจังหวัดปุทมธานี และพระนครศรีอยุธยา<br /> <u>ทิศใต้</u> ติดกรุงเทพมหานคร<br /> <u>ทิศตะวันออก</u> ติดกรุงเทพมหานคร และจังหวัดปทุมธานี<br /> <u>ทิศตะวันตก</u> ติดจังหวัดนครปฐม</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p>แบ่งเขตการปกครองออกเป็น อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด อำเภอบางกรวย อำเภอบางใหญ่ อำเภอบางบัวทอง อำเภอไทรน้อย </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 02)</strong></td> </tr> <tr> <td><table cellpadding="0" cellspacing="0" width="80%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ททท.สำนักงานเขต 6 จ.พระนครศรีอยุธยา</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>035-246-076-7</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>สำนักงานจังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>580-0705-6</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ศูนย์แนะนำข่าวสารและประชาสัมพันธ์</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>580-0721-2</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>สำนักงานเกษตรจังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>589-2134 , 585-2637 , 585-8275</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีขนส่ง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>589-1560 , 521-2056 , 589-5656</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.พระนั่งเกล้า</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>526-5589</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.บางบัวทอง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>571-7899 , 571-7900</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ปากเกร็ด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>583-8327 , 583-2238</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.บางใหญ่</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>595-1637-8</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.บางกรวย</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>435-6022 , 435-6023</p></td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table> <br />Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-51944394808541443642009-03-29T17:58:00.005-07:002009-03-30T10:29:48.842-07:00<table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><div class="style32" align="center"><strong>" ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม ข้าวหลามหวานมัน สนามจันทร์งามล้น<br /> พุทธมณฑลคู่ธานี พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า "</strong></div></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p><strong>จังหวัดนครปฐม</strong> ตั้งอยู่ในบริเวณที่ราบลุ่มภาคกลาง ห่างจากกรุงเทพฯ 58 กิโลเมตร เมืองนครปฐมเดิมตั้งอยู่ริมทะเล เป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย เจริญรุ่งเรืองมากในสมัยทวาราวดี เพราะเป็นราชธานีที่สำคัญ มีหลักฐานเชื่อว่าพุทธศาสนา และอารยธรรมจากอินเดีย เผยแพร่เข้ามาที่นครปฐมเป็นแหล่งแรก นครปฐมจึงเป็นศูนย์กลางของความเจริญ มีชนชาติต่าง ๆ อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่เป็นจำนวนมาก ต่อมาเกิดความแห้งแล้งขึ้นในเมืองนครปฐม เพราะกระแสน้ำที่ไหลผ่านตัวเมืองเปลี่ยนเส้นทาง ประชาชนจึงอพยพไปตั้งหลักแหล่ง อยู่ริมน้ำและสร้างเมืองใหม่ขึ้นชื่อ “นครชัยศรี” หรือ “ศิริชัย” นครปฐมจึงกลายเป็นเมืองร้างมาหลายร้อยปี จนกระทั่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะที่ยังทรงผนวชได้เสด็จธุดงค์ไปพบพระปฐมเจดีย์เข้า ทรงเห็นว่าเป็นเจดีย์องค์ใหญ่ไม่มีที่ไหนจะเทียบเท่า </p><p>เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้ก่อเจดีย์แบบลังกาครอบเจดีย์องค์เดิมไว้ ทรงปฏิสังขรณ์สิ่งต่าง ๆ ในบริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ให้มีสภาพดี และโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองเจดีย์บูชา เพื่อให้การคมนาคมสะดวกขึ้น ต่อมาถึงรัชกาลที่ 5 ได้เริ่มทำทางรถไฟสายใต้ แต่ตอนนั้นเมืองนครปฐมยังเป็นป่ารกอยู่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯให้ย้ายเมืองจากตำบลท่านา อำเภอนครชัยศรี มาตั้งที่บริเวณพระปฐมเจดีย์ เหมือนที่เคยตั้งมาแล้วในสมัยโบราณ เมืองนครปฐมจึงตั้งอยู่ต่อมาจนตราบเท่าทุกวันนี้ </p><p>ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระ มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังขึ้นที่ตำบลสนามจันทร์ เป็นที่เสด็จแปรพระราชฐาน และโปรดเกล้าฯ ให้ตัดถนนเพิ่มขึ้นอีกหลายสาย ให้สร้างสะพานใหญ่ ข้ามคลองเจดีย์บูชาขึ้น ทรงพระราชทานนามว่า “สะพานเจริญศรัทธา” ต่อมาให้เปลี่ยนชื่อเมืองนครชัยศรีเป็น “นครปฐม” แต่ชื่อมณฑลยังคงเรียกว่า “มณฑลนครชัยศรี” อยู่จนกระทั่งยุบเลิก ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปัจจุบันนครชัยศรีมีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งขึ้นอยู่กับนครปฐม</p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>อาณาเขตติดต่อและการปกครอง :</strong></td> </tr> <tr> <td><p><strong>จังหวัดนครปฐม</strong> มีเนื้อที่ 2,168.327 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 7 อำเภอ คือ อำเภอเมืองนครปฐม อำเภอกำแพงแสน อำเภอนครชัยศรี อำเภอบางเลน อำเภอสามพราน อำเภอดอนตูม และอำเภอพุทธมณฑล<br /> <br /> <u>ทิศเหนือ</u> ติดต่อกับจังหวัดสุพรรณบุรี<br /> <u>ทิศใต้</u> ติดต่อกับจังหวัดสมุทรสาคร<br /> <u>ทิศตะวันออก</u> ติดต่อกับจังหวัดนนทบุรีและกรุงเทพฯ<br /> <u>ทิศตะวันตก</u> ติดต่อกับจังหวัดราชบุรี<br /> <br />พื้นที่เป็นที่ราบลุ่ม ไม่มีภูเขา มีที่ดอนเฉพาะทางตะวันตกเฉียงเหนือของอำเภอเมืองและอำเภอกำแพงแสนเท่านั้น ส่วนที่ราบลุ่มบริเวณลุ่มน้ำท่าจีน (แม่น้ำนครชัยศรี) ได้แก่ ท้องที่อำเภอนครชัยศรี อำเภอสามพราน และอำเภอบางเลน เป็นที่อุดมสมบูรณ์ มีการประกอบการเกษตรกรรมและเลี้ยงสัตว์ </p></td> </tr><tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 034)</strong></td> </tr> <tr> <td><table cellpadding="0" cellspacing="0" width="80%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สำนักงานจังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>285-678</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีขนส่งจังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>257-702</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีรถไฟ</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>242-305</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ไปรษณีย์จังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>242-356</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ททท.สำนักงานภาคกลางเขต 1 จ.กาญจนบุรี</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>511-200</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจท่องเที่ยว</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>1155</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจทางหลวง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>241-426 , 211-531</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจภูธรอำเภอเมือง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>242-774</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.นครปฐม</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>254-150-4</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.กำแพงแสน</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>351-378</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.นครชัยศรี</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>331-156</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ดอนตูม</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>381-768</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.สามพราน</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>321-998 , 311-021</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ห้วยพลู</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>389-210</p></td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table> <br />Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-25055101030397774112009-03-29T17:58:00.003-07:002009-03-30T10:29:48.848-07:00<table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><div align="center"><span class="style30">" เมืองในฝันที่ใกล้กรุง ภูเขางาม น้ำตกสวย รวยธรรมชาติ ปราศจากมลพิษ "</span></div></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>นครนายก</strong> สันนิษฐานว่าเคยเป็นเมืองโบราณสมัยทวารวดี หลักฐาน คือแนวกำแพงเนินดิน และสันคูเมืองที่ตำบลดงละคร แต่ชื่อ “นครนายก” นั้นปรากฏหลักฐานในสมัยอยุธยาว่า เป็นเมืองหน้าด่านทางทิศตะวันออก สมัยพระเจ้าอู่ทอง ในพ.ศ. 2437 รัชกาลที่ 5 ทรงจัดลักษณะการปกครอง เป็นมณฑลนครนายกได้เข้าไปอยู่ในเขตมณฑลปราจีนบุรี จนกระทั่ง พ.ศ. 2445 ทรงเลิกธรรมเนียมการมีเจ้าครองเมือง ให้มีตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด ขึ้นแทน และในช่วง พ.ศ. 2486-2489 ได้โอนนครนายกไปรวมกับจังหวัด ปราจีนบุรีและสระบุรี หลังจากนั้นจึงแยกเป็น จังหวัดนครนายก </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>นครนายก</strong> เดิมชื่อว่า “บ้านนา“ เล่ากันว่าในสมัยกรุงศรีอยุธยา ดินแดนของนครนายกเป็นป่ารกชัฏเป็นที่ดอน ทำนาหรือเพาะปลูกอะไร ไม่ค่อยได้ผลและมีไข้ป่าชุกชุม ผู้คนจึงอพยพไปอยู่ที่อื่นจนที่นี่กลายเป็นเมืองร้าง ต่อมาพระมหากษัตริย์ทรงทราบความเดือนร้อนของชาวเมืองจึงโปรดเกล้าฯ ให้เลิกภาษีนาเพื่อ จูงใจชาวเมืองให้อยู่ที่เดิมทำให้มีผู้คนอพยพมาอยู่เพิ่มมากขึ้น จนเป็นชุมชนใหญ่และเรียกเมืองนี้กันติดปากว่า “เมืองนายก”</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>อาณาเขต :</strong></td> </tr> <tr> <td><u>ทิศเหนือ</u> ติดต่อกับจังหวัดสระบุรีและนครราชสีมา<br /> <u>ทิศใต้</u> ติดต่อกับจังหวัดฉะเชิงเทรา<br /> <u>ทิศตะวันออก</u> ติดต่อกับจังหวัดปราจีนบุรี<br /> <u>ทิศตะวันตก</u> ติดต่อกับจังหวัดปทุมธานี</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอต่าง ๆ</strong></td> </tr> <tr> <td>อำเภอปากพลี 9 กิโลเมตร<br /> อำเภอบ้านนา 17 กิโลเมตร<br /> อำเภอองครักษ์ 32 กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 037)</strong></td> </tr> <tr> <td><table border="0" width="85%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ททท.สำนักงานภาคกลางเขต 8 จ.นครนายก</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>311-273 , 312-284</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ศาลากลางจังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>311-273</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ประชาสัมพันธ์จังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>313-615</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>311-285, 311-535</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีตำรวจภูธรอำเภอบ้านนา</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>382-013-4</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีตำรวจภูธรอำเภอปากพลี</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>399-600-1</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีตำรวจภูธรอำเภอองครักษ์</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>391-301</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจท่องเที่ยว</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>1155</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจทางหลวง (หินกอง)</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>(036) 371-222 , 371-970</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>หน่วยสอบสวนพุแค</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>(036) 222-113</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีเดินรถโดยสารประจำทาง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>311-932</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ชมรมการท่องเที่ยวนครนายก</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>312-282-4</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>โรงพยาบาลนครนายก</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>311-219, 311-239,311-150</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>โรงพยาบาลบ้านนา</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>381-833</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>โรงพยาบาลปากพลี</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>399-504</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>โรงพยาบาลองครักษ์</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>391-399</p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-73079574944009581472009-03-29T17:58:00.001-07:002009-03-30T10:29:48.854-07:00<table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><div align="center"><span class="style24">" หลวงปู่ศุขลือชา เขื่อนเจ้าพระยาลือชื่อ นามระบือสวนนก ส้มโอดก ขาวแตงกวา "</span></div></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>ชัยนาท</strong> แปลตามศัพท์มีความหมายว่า ชัยชนะที่มีเสียงบันลือ เป็นเมืองโบราณเมืองหนึ่ง ตัวเมืองเดิมอยู่บริเวณฝั่งขวาแม่น้ำเจ้าพระยาที่ปากคลองแพรกศรีราชา ใต้ปากน้ำเก่า สันนิษฐานว่าคงจะสร้างขึ้นในสมัยพญาเลอไทครองกรุงสุโขทัย ระหว่าง พ.ศ. 1860-1879 เมืองๆ นี้จึงได้ชื่อว่า เมืองแพรก หรือเมืองสรรค์ มีฐานะเป็นเมืองหน้าด่านทางใต้ เมื่อกรุงสุโขทัยเสื่อมอำนาจลง เมืองแพรกได้กลายเป็นเมืองหน้าด่านทางตอนเหนือของกรุงศรีอยุธยา ต่อมาได้เกิดชุมชนใหม่ไม่ไกลจากเมืองสรรค์ มีเจ้าสามพระยาเป็นผู้ครองเมือง ซึ่งต่อมาได้ขึ้นครองกรุงศรีอยุธยา ทรงพระนามว่า สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 เมืองที่เกิดขึ้นใหม่นี้เป็นเมืองใหญ่ มีชื่อว่า ชัยนาท ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ย้ายตัวเมืองจากบริเวณแหลมยาง มาตั้งตรงฝั่งซ้ายแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนเมืองสรรค์นั้นเสื่อมลงเรื่อยๆ เพราะผู้คนอพยพมาอยู่ที่ชัยนาทเป็นส่วนใหญ่ ในที่สุดก็กลายเป็นเพียงอำเภอหนึ่งของชัยนาทเท่านั้น ชัยนาทเป็นเมืองยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เคยใช้เป็นที่ตั้งทัพรับศึกพม่าหลายครั้ง และมีชัยทุกครั้งไป จึงเป็นที่มาของชื่อ เมืองชัยนาทแห่งนี้</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>อาณาเขตและการปกครอง :</strong></td> </tr> <tr> <td><u>ทิศเหนือ</u> จดอุทัยธานี และนครสวรรค์<br /> <u>ทิศตะวันออก</u> จดนครสวรรค์ และสิงห์บุรี<br /> <u>ทิศใต้</u> จดสิงห์บุรี และสุพรรณบุรี<br /> <u>ทิศตะวันตก</u> จดอุทัยธานี</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p><strong>ชัยนาท</strong> มีเนื้อที่ประมาณ 2,469.74 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 6 อำเภอ และ 1 กิ่งอำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอหันคา อำเภอมโนรมย์ อำเภอสรรคบุรี อำเภอสรรพยา อำเภอวัดสิงห์ และกิ่งอำเภอหนองมะโมง</p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 056)</strong></td> </tr> <tr> <td><table border="0" width="85%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สำนักงานจังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>411-181</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ประชาสัมพันธ์จังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>411-919</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ททท.สำนักงานภาคภาคกลาง เขต 7 จ.ลพบุรี</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>036-422-768-9</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจท่องเที่ยว</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>1155</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจทางหลวง ส.ทล.3 กก.1 ตู้ยามชัยนาท</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>412-270</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีตำรวจภูธร อ.เมือง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>411-734</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ไปรษณีย์จังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>411-226</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ชัยนาท</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>411-142 , 412-447</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.สวรรคบุรี</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>411-944</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.วัดสิงห์</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>461-344</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.หันคา</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>451-045</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.มโนรมย์</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>412-328</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สาธารณสุขจังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>411-973 , 411-640</p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-60917752634918164612009-03-29T17:57:00.001-07:002009-03-30T10:29:48.858-07:00<table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><div align="center"><span class="style23">" แม่น้ำบางปะกงแหล่งชีวิต พระศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อโสธร พระยาศรีสุนทรปราชญ์ภาษาไทย<br /> อ่างฤๅไนป่าสมบูรณ์ "</span></div></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>ฉะเชิงเทรา</strong> หรือแปดริ้ว เป็นจังหวัดในภาคกลาง มีประวัติปรากฏมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ในแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ประชาชนส่วนใหญ่ ตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง และลำคลองทั่วไป โดยมี “หลวงพ่อโสธร” เป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวแปดริ้ว ในอดีตฉะเชิงเทรา มีฐานะเป็นเมืองจัตวา อยู่ในสังกัดกระทรวงกลาโหม ต่อมาได้ขึ้นอยู่ในสังกัดกรมมหาดไทย และคงอยู่เช่นนี้เรื่อยมาตั้งแต่รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จนกระทั่งรัชกาลที่ 5 เมื่อทรงเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองแผ่นดินใหม่ เมืองฉะเชิงเทรามีฐานะเป็นเมืองๆ หนึ่งในมณฑลปราจีนบุรี และในปี พ.ศ. 2459 จึงได้เปลี่ยนจากเมืองเป็นจังหวัด เรียกว่า “จังหวัดฉะเชิงเทรา” คำว่า “ฉะเชิงเทรา” เป็นภาษาเขมร แปลว่า คลองลึก ส่วนชื่อ “แปดริ้ว” นั้น ได้มาจากคำบอกเล่าต่อกันมาว่า ในเมืองนี้มีปลาช่อนขนาดใหญ่ชุกชุม เมื่อนำมาตากทำเป็นปลาแห้งจะต้องแล่เนื้อปลาถึง 8 ริ้ว</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>อาณาเขตและการปกครอง :</strong></td> </tr> <tr> <td><u>ทิศเหนือ</u> ติดต่อกับจังหวัดปราจีนบุรีและนครนายก<br /> <u>ทิศใต้</u> ติดต่อกับจังหวัดชลบุรี ระยอง และจันทบุรี<br /> <u>ทิศตะวันออก</u> ติดต่อกับจังหวัดสระแก้ว<br /> <u>ทิศตะวันตก</u> ติดต่อกับจังหวัดสมุทรปราการและกรุงเทพฯ</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p>ปัจจุบัน <strong>ฉะเชิงเทรา</strong> มีพื้นที่ 5,351 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 9 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอบางคล้า อำเภอบางน้ำเปรี้ยว อำเภอบางปะกง อำเภอบ้านโพธิ์ อำเภอพนมสารคาม อำเภอสนามชัยเขต อำเภอแปลงยาว อำเภอราชสาส์น กิ่งอำเภอท่าตะเกียบ และกิ่งอำเภอคลองเขื่อน </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 038)</strong></td> </tr> <tr> <td><table border="0" width="85%"> <tbody><tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ที่ว่าการอำเภอเมือง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>511-129</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สำนักงานจังหวัดฉะเชิงเทรา</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>512-520</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ททท.สำนักงานภาคกลางเขต 8 จ.นครนายก</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>312-282 , 312-284</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจท่องเที่ยว</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>1155</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1 กก.3 บางปะกง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>531-221</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>511-115</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีขนส่งจังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>511-077</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีรถไฟ</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>511-007</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ฉะเชิงเทรา</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>511-033</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.พนมสารคาม</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>551-444</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.บางปะกง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>531-286-7</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สาธารณสุขจังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>511-189 , 511-640</p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-64241752877040009562009-03-29T17:56:00.001-07:002009-03-30T10:29:48.868-07:00<table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><span class="style24">จังหวัดกาญจนบุรี :: สถานที่ท่องเที่ยว อำเภอเมือง</span></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p><strong>เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ<br /> </strong>ไป ตามเส้นทางสายกาญจนบุรี-ศรีสวัสดิ์ บริเวณ ต.ห้วยสะด่อง กม.ที่ 11 ประมาณ 27 กิโลเมตร จากตัวเมืองกาจนบุรี ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอบ่อพลอย อำเภอหนองปรือ อำเภอศรีสวัสดิ์ ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน และประกอบด้วยที่ราบระหว่างหุบเขา เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญของแม่น้ำแควใหญ่ ยอดเขาสูงที่สุด คือ เขาหัวโล้นสูงประมาณ 1,170 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง อยู่บริเวณตอนกลางของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จัดตั้งเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2508 นับเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งแรกของประเทศไทย เป็นสถานที่เหมาะสำหรับการศึกษาธรรมชาติ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ 3 เส้นทาง คือ 1.เส้นห้วยลำอีซู 2.เส้นห้วยสะด่อง 3.เส้นทุ่งสลักพระ และยังมีเส้นทางที่สามารถเดินไปชมทิวทัศน์ริมขอบอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรี นครินทร์ ห้วยแม่ละมุ่น สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3458 4032<br /> <br /> <strong>โบราณสถานในเขตเมืองกาญจนบุรีเก่า<br /> </strong>ตั้ง อยู่ในเขตตำบลลาดหญ้า ไปตามทางหลวงหมายเลข 323 และเข้าทางหลวงหมายเลข 3199 ไปจนถึงกิโลเมตรที่ 2-3 บริเวณนี้เคยเป็นเมืองหน้าด่าน สกัดกั้นการเดินทัพของพม่าซึ่งยกเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ประมาณ พ.ศ. 2091-2327 สภาพปัจจุบันยังคงเหลือร่องรอยของแนวกำแพงดิน รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 167 x 355 เมตร มีป้อมค่ายอยู่ทั้ง 4 มุม </p><p><strong>โบราณสถานโดยรอบในบริเวณใกล้เคียงกัน</strong> ได้แก่<br /> <br /> <span class="style25">วัดป่าเลไลยก์</span> เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ชาวบ้านเรียกว่าวัดผ่าอก แต่เดิมภายในมณฑปประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่ภายในมณฑป ได้ถูกคนลักลอบเจาะอกพระจนทะลุ จึงได้เรียกกันว่าวัดผ่าอก ต่อมาชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างพระพุทธรูปปางป่าเลไลย์ขึ้นแทน โบราณสถานบริเวณวัดป่าเลไลย์ ประกอบด้วย มณฑป วิหาร และเจดีย์ทรงกลมก่อด้วยอิฐสอดินฉาบปูน<br /> <br /> <span class="style25">วัดขุนแผน</span> จากวัดป่าเลไลยก์ทางเข้าด้านข้าง วัดนี้เข้าไปทางค่ายฝึกสำรวจคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นวัดร้างที่สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีพระปรางค์เป็นหลักสำคัญของวัด ภายในบริเวณวัดมีโบราณสถานที่สำคัญ ได้แก่ พระปรางค์ พระอุโบสถ เจดีย์ประจำทิศ เจดีย์ราย และวิหาร ปัจจุบันคงยังมองเห็นเฉพาะซากพระปรางค์เท่านั้น<br /> <br /> <span class="style25">วัดแม่หม้าย</span> เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ห่างจากวัดขุนแผนไปทางทิศตะวันออกประมาณ 300 เมตร มีโบราณสถานแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มทางด้านทิศเหนือประกอบด้วยเจดีย์ทรงกลมขนาดใหญ่มีฐานประทักษิณ วิหารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หันหน้าไปทางทิศตะวันตก และกลุ่มทางด้านทิศใต้ประกอบด้วย วิหารขนาดกลาง เจดีย์ราย และกำแพงแก้วล้อมรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้า หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ทั้งสองกลุ่มมีสระล้างกระดูกอยู่ระหว่างกลาง<br /> <br /> นอกจากนี้ยังมีวัดนางพิมหรือวัดกาญจนบุรีเก่า รวมอยู่ในบริเวณนั้นด้วย </p><p><strong>วัดถ้ำมังกรทอง<br /> </strong>อยู่ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7 กิโลเมตร บนฝั่งแม่น้ำแม่กลอง ตั้งอยู่เชิงเขา วัดนี้สร้างขึ้นในปี 2447 เหตุที่ได้ชื่อว่าถ้ำมังกรทองก็เนื่องจากมีถ้ำขนาดเล็กอยู่บนยอดเขา โดยราวบันไดขึ้นสู่ถ้ำสร้างเป็นรูปมังกรสองตัวขนาดใหญ่ขนานกันไปจนสุดทางที่ ปากถ้ำ มีบันไดทั้งหมด 95 ขั้น ที่ตรงปากถ้ำมีหินใหญ่ทำเป็นหน้าสิงโตดูน่าเกรงขาม วัดถ้ำมังกรทองยังมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักแพร่หลาย เกี่ยวกับการทำสมาธิลอยตัวในน้ำ ที่เยกกันว่า "แม่ชีลอยน้ำ" โดยเสียค่าเข้าชม(ทำบุญ) 10 บาทต่อคน มีผู้สนใจมาชมการแสดงลอยตัวในน้ำเป็นประจำ<br /> <br /> <u>การเดินทาง</u> จากถนนแสงชูโตใช้เส้นทางที่แยกซ้ายจากหน้าศาลากลางจังหวัดไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลองไปยังวัดถ้ำมังกรทอง<br /> <br /> <strong>วัดถ้ำเขาปูน<br /> </strong>อยู่ เลยสุสานสัมพันธมิตรช่องไก่ไปประมาณ 2 กิโลเมตร ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีประมาณ 6 กิโลเมตร บริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของค่ายเชลยศึกขนาดใหญ่ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีถ้ำขนาดกลางอยู่ในบริเวณวัด ซี่งภายในมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ ด้านหลังวัดติดริมน้ำ มีพระสังกัจจายน์องค์ใหญ่อยู่บนยอดเขา<br /> <br /> <strong>วัดถ้ำพุหว้า<br /> </strong>ตั้ง อยู่ตำบลหนองหญ้า วัดนี้เป็นสาขาหนึ่งของวัดปากน้ำ บรรยากาศโดยรอบสะอาดร่มรื่น เงียบสงบ สวยงาม ลักษณะภูมิประเทศโอบล้อมด้วยภูเขาและป่าไม้ ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยงดงาม มีพระพุทธรูปปางสมาธิประดิษฐานเป็นประธาน และถ้ำนี้ยังใช้เป็นพระอุโบสถเพื่อใช้ในพิธีอุปสมบทอีกด้วย การเดินทาง ไปตามทางหลวงหมายเลข 3229 ประมาณกิโลเมตรที่ 17<br /> <br /> <strong>วัดถ้ำพุทธาวาส (ถ้ำพุพระหรือวัดถ้ำขุนแผน)<br /> </strong>เป็น ถ้ำขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนภูเขาสูงมีตำนานเล่าว่า ขุนแผนได้นำเอากุมารทองมาย่างในถ้ำนี้ ถ้ำพุพระอยู่บนเส้นทางสายกาญจนบุรี-ไทรโยค (ทางหลวงหมายเลข 323) ตรงกิโลเมตรที่ 7-8 เยื้องสถาบันราชภัฏกาญจนบุรี แยกซ้ายเข้าไปอีก 1 กิโลเมตร มีรถประจำทางสายกาญจนบุรี-ไทรโยค วิ่งผ่านปากทางไปสู่ถ้ำนี้ด้วย โดยจะต้องเดินเข้าไปอีก 1 กิโลเมตร<br /> <br /> <strong>สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ (สวนหิน)<br /> </strong>ตั้ง อยู่ที่ทุ่งนาคราช ตำบลหนองหญ้า ในบริเวณวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีกาญจนบุรี มีเนื้อที่ 600 ไร่ ประชาชนทั่วไป เรียกว่า สวนหินหรืออุทยานหิน บริเวณโดยรอบมีหินงอกขนาดเล็กใหญ่ลักษณะต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ตั้งเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมากอย่างมีระเบียบ และยังเป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้ป่าชนิดต่างๆ อีกด้วย<br /> <br /> <u>การเดินทาง</u> สามารถเดินทางจากถนนแสงชูโต ข้ามสะพานสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร ไปอีกประมาณ 9 กิโลเมตร โดยผ่านสุสานทหารสัมพันธมิตรช่องไก่ วัดถ้ำเขาปูนไปไม่ไกลนักจะพบสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์<br /> <br /> <strong>สวนสัตว์เลี้ยงกาญจนบุรี<br /> </strong>ตั้ง อยู่ที่บ้านพุประดู่ ตำบลหนองบัว ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีประมาณ 20 กิโลเมตร สามารถเดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 3229 กิโลเมตรที่ 16–17 จะมีทางแยกเข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตร สวนสัตว์เลี้ยงกาญจนบุรีเป็นสถานสงเคราะห์สัตว์ที่ย้ายมาจากทุ่งสีกัน บนพื้นที่ 38 ไร่ ปัจจุบันมีสุนัขมากที่สุด นอกนั้นจะเป็นแมว โค กระบือ แพะ และแกะ เหมาะสำหรับผู้ที่รักสัตว์ สามารถมาขอรับสุนัขไปเลี้ยงได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 1763 3467, 0 1914 3444<br /> <br /> <strong>สะพานข้ามแม่น้ำแคว<br /> </strong>ตั้ง อยู่ที่ตำบลท่ามะขาม ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศเหนือตามทางหลวงหมายเลข 323 ประมาณ 4 กิโลเมตร แยกซ้ายประมาณ 400 เมตร มีป้ายชี้บอกทางไว้ชัดเจน เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์เชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ได้แก่ ทหารอังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย ฮอลันดาและนิวซีแลนด์ประมาณ 61,700 คนและกรรมกรชาวจีน ญวน ชวา มลายู ไทย พม่า อินเดียอีกจำนวนมากมาก่อสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นเส้นทางผ่านไปสู่ประเทศพม่า ซึ่งเส้นทางช่วงหนึ่งจะต้องข้ามแม่น้ำแควใหญ่จึงต้องมีการสร้างสะพานขึ้น การสร้างสะพานและทางรถไฟสายนี้เต็มไปด้วยความยากลำบาก ความทารุณของสงคราม และโรคภัย ตลอดจนการขาดแคลนอาหาร ทำให้เชลยศึกจำนวนหลายหมื่นคนต้องเสียชีวิตลง<br /> <br />นอกจากนี้ ที่สะพานข้ามแม่น้ำแควมีบริการรถราง Fairmong ทุกวัน โดยวันธรรมดาจะมีตั้งแต่เวลา 08.00-19.30 น., 11.20-14.00 น., 15.00-16.00 น., และ 18.00-18.30 น. วันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00-09.30 น., 11.20-14.00 น., และ18.00-18.30 น. ค่าโดยสารคนละ 20 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3451 1200, 0 3451 2500</p></td></tr></tbody></table> <p><strong>หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2<br /> </strong>ตั้ง อยู่ไม่ไกลจากสะพานข้ามแม่น้ำแคว เป็นสถานที่เก็บรักษา สิ่งที่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้แก่ อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ โครงกระดูกของเชลยสงคราม และภาพถ่ายเหตุการณ์ในสมัยนั้น นอกจากนี้บางส่วนยังจัดทำเป็นหอศิลป์ เก็บรวบรวมสิ่งของต่างๆ เช่น แสตมป์ ไปรษณียบัตรโบราณ เพชร พลอย และเครื่องประดับ เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00–18.00 น. ค่าเข้าชมชาวไทย 20 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3451 2596<br /> <br /> <strong>ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี<br /> </strong>ตั้ง อยู่ที่สถาบันราชภัฏกาญจนบุรี ตำบลหนองบัว บนถนนสายกาญจนบุรี-ไทรโยค (ทางหลวงหมายเลข 323) ห่างจากตัวเมืองประมาณ 15 กิโลเมตร ชั้นล่างจัดแสดงเครื่องใช้ภายในครัวเรือน เครื่องมือเครื่องใช้ในการประกอบอาชีพ เครื่องมือในการจับปลา ชั้นบนมีห้องประวัติศาสตร์ ห้องศาสนาและประเพณี มีหนังสือไทยโบราณและศิลปะวัตถุต่างๆ ด้านข้างอาคารศูนย์ฯ มีหลุมขุดค้นทางประวัติศาสตร์ ศูนย์วัฒนธรรมฯ เปิดให้ชมทุกวัน ยกเว้นวันพุธ ตั้งแต่เวลา 08.30–16.30 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักศิลปวัฒนธรรม สถาบันราชภัฏกาญจนบุรี โทร. 0 3463 3227-8 ต่อ 650 โทรสาร 0 3463 3224<br /> <br /> <strong>สุสานทหารสัมพันธมิตรช่องไก่ (Chungkai War Cemetery)<br /> </strong>สุสาน แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแควน้อย บริเวณท่าน้ำเมืองกาญจนบุรี ห่างจากตัวเมืองไปทางแม่น้ำแควน้อยประมาณ 2 กิโลเมตร สามารถเดินทางไปโดยขับรถข้ามสะพานสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรที่ท่าน้ำหน้า เมือง สุสานทหารสัมพันธมิตรช่องไก่เคยเป็นที่ตั้งของค่ายเชลยศึกขนาดใหญ่ บริเวณสุสานสงบและสวยงาม มีขนาดเล็กกว่าสุสานดอนรัก บรรจุศพทหารเชลยศึกซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารอังกฤษ ประมาณ 1,740 หลุม สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ <a href="http://www.cwgc.org/" target="_blank">http://www.cwgc.org/<br /> <br /> </a><strong>สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก<br /> </strong>ตั้ง อยู่ริมถนนแสงชูโต (ทางหลวงหมายเลข 323) ก่อนจะเข้าตัวเมือง สุสานแห่งนี้เป็นสุสานของเชลยศึกสัมพันธมิตรที่เสียชีวิตในระหว่างการสร้าง ทางรถไฟสายมรณะ บริเวณสุสานมีเนื้อที่กว้างขวางสวยงามและเงียบสงบ ชวนให้รำลึกถึงเหตุการณ์การสู้รบและผลลัพธ์ที่ตามมา สุสานแห่งนี้บรรจุศพทหารเชลยศึกถึง 6,982 หลุม สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3451 1500<br /> <br /> <strong>อุทยานประวัติศาสตร์สงคราม 9 ทัพ<br /> </strong>ตั้ง อยู่บริเวณทุ่งลาดหญ้า ตำบลช่องสะเดา ห่างจากตัวเมืองประมาณ 45 กิโลเมตร เดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 323 จากนั้นเข้าทางหลวงหมายเลข 3199 (กาญจนบุรี-เขื่อนศรีนครินทร์) ประมาณกิโลเมตรที่ 24 เป็นสถานที่รวบรวมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์สงคราม 9 ทัพ ซึ่งเป็นสงครามครั้งสำคัญและยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราช เพื่อป้องกันการรุกรานของพระเจ้าปดุงกษัตริย์พม่าในปี พ.ศ. 2328 ชัยชนะในสงครามครั้งนี้โดยเฉพาะในสมรภูมิทุ่งลาดหญ้า ทำให้ประเทศไทยสามารถรักษาเอกราช และดำรงความเป็นชาติมาถึงปัจจุบัน ภายในอาคารจะเป็นตู้จำลองเหตุการณ์ และโต๊ะทรายแสดงภูมิประเทศ จำลองเส้นทางการเดินทัพของข้าศึก นอกจากนี้ยังมีหอสังเกตการณ์ เพื่อให้ผู้ที่มีความสนใจประวัติศาสตร์ เข้าใจการเลือกใช้ภูมิประเทศในการเดินทัพ และจุดสกัดกั้นทัพพม่าได้ชัดเจนขึ้น เปิดให้เข้าชมทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. (ไม่เสียค่าเข้าชม) สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายยุทธการจังหวัดทหารบกกาญจนบุรี โทร. 0 3458 9233-5 ต่อ 51015-6 โทรสาร 0 3458 9236<br /> <br /> <strong>กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์<br /> </strong>มี โครงการท่องเที่ยวในเขตทหารเพื่อบริการประชาชนผู้สนใจทั่วไป ภายในค่ายมีสิ่งที่น่าสนใจได้แก่ อนุสาวรีย์ขุนรัตนาวุธ ผู้นำกองทหารดาบทลวงฟันสมัยสงครามเก้าทัพ อนุสาวรีย์ทหารผ่านศึกเวียดนาม สวนสัตว์ และมีกิจกรรมผจญภัยที่น่าท้าทายหลายอย่างได้แก่ ไต่หน้าผา กระโดดหอ สนามประลองยุทธยิงปืน Paint Ball จักรยานเสือภูเขา เปิดบริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดตั้งแต่ 8.30-17.00 น.<br /> <br /> <strong>ค่ายฝึกเขาชนไก่<br /> </strong>ตั้ง อยู่ที่ตำบลลาดหญ้า ห่างจากกรุงเทพฯ 150 กิโลเมตร ไปตามทางหลวงหมายเลข 3199 (กาญจนบุรี-เขื่อนศรีนครินทร์) ประมาณ 3 กิโลเมตร ห่างจกตัวเมืองประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นสถานที่ฝึกภาคสนามของนักศึกษาวิชาทหาร ในเวลาเสร็จสิ้นการฝึก จะเปิดเป็นค่ายฝึกสำหรับประชาชนทั่วไปได้เข้าชม พร้อมทั้งสนุกกันกิจกรรมทดสอบกำลังใจของทหาร เช่น การโดดหอสูง การยิงปืน การไต่เชือกข้ามลำน้ำ ชมพื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และยังมีบริการที่พักไว้บริการ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานท่องเที่ยวกรมการรักษาดินแดน โทร. 0 2221 2871 หรือ สำนักงานท่องเที่ยวเขาชนไก่ โทร. 0 3458 9237<br /> <br /> <strong>ต้นจามจุรียักษ์<br /> </strong>อยู่ บนเส้นทางไปอำเภอด่านมะขามเตี้ย บ้านกสิกรรม หมู่ 5 ต.เกาะสำโรง หากมาจากวัดถ้ำมังกร เลยจากวัดถ้ำมังกรไปประมาณ 3 กิโลเมตร สามารถเดินทางเข้าไปในกองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 1 (กองผสมสัตว์) กรมการสัตว์ทหารบก ผ่านวัดถ้ำมุนีย์นาถ แล้วเลี้ยวขวา ต้นจามจุรียักษ์มีอายุมากกว่า 100 ปี ขนาด 10 คนโอบ รัศมีทรงพุ่มเฉลี่ย 25.87 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางร่มเงาประมาณ 51.75 เมตร ความสูงเรือนยอด 20 เมตร มีพื้นที่ของพุ่มประมาณ 1 ไร่ 2 งาน 4 วา มีทรงพุ่มแผ่กิ่งก้านสาขาใหญ่โตสวยงามร่มรื่น ซึ่งปัจจุบันหาชมต้นไม้ขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ยาก<br /> <br /> <strong>ถ้ำมะเดื่อ<br /> </strong>อยู่ ในบริเวณวัดถ้ำมะเดื่อ ตำบลบ้านเก่า ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีประมาณ 40 กิโลเมตร การเดินทาง จากป้อมตำรวจบ้านเก่า ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแควน้อย ไปตามทางหลวงหมายเลข 3445 ประมาณ 8 กิโลเมตรถึงค่ายไทรโยค เข้าไปในค่ายไทรโยคประมาณ 3 กิโลเมตร เมื่อเดินทางไปควรติดต่อกับทางวัด โดยทางวัดได้ติดตั้งไฟไว้ เพื่อให้เห็นสภาพภายในถ้ำที่มีเนื้อที่กว้างขวาง มีหินงอกหินย้อยสวยงามแตกต่างกันไป ต้องใช้เวลาชมประมาณ 1 ชั่วโมง<br /> <br /> <strong>ทางรถไฟสายมรณะ<br /> </strong>ทาง รถไฟสายนี้เริ่มต้นจากสถานีหนองปลาดุก อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ผ่านจังหวัดกาญจนบุรีข้ามแม่น้ำแควใหญ่ ไปทางทิศตะวันตกจนถึงด่านเจดีย์สามองค์ เพื่อให้ถึงปลายทางที่เมืองตันบูซายัด ประเทศพม่า รวมระยะทางในเขตประเทศไทย 300 กิโลเมตร ใช้เวลาในการสร้างเสร็จเพียง 1 ปี ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2485 ถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2486 เพื่อใช้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ผ่านประเทศพม่า หลังสงครามทางรถไฟบางส่วนถูกเลาะทิ้ง บางส่วนจมอยู่ใต้ทะเลสาบเขื่อนเขาแหลม ทางรถไฟสายนี้ ถือเป็นอนุสรณ์ให้รำลึกถึงเหตุการณ์สงครามในครั้งนั้น จากน้ำพักน้ำแรงของการบุกเบิกก่อสร้าง ของทหารเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรที่กองทัพญี่ปุ่นเกณฑ์มา ทิวทัศน์ตลอดเส้นทางนี้สวยงามมาก โดยเฉพาะบริเวณถ้ำกระแซ ที่เส้นทางรถไฟจะลัดเลาะไปตามเชิงผาเลียบไปกับลำน้ำแควน้อย ปัจจุบันทางรถไฟสายนี้สุดปลายทางที่บ้านท่าเสาหรือสถานีน้ำตก ระยะทางจากสถานีกาญจนบุรีถึงสถานีน้ำตกประมาณ 77 กิโลเมตร การรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดบริการเดินรถบนเส้นทางสายนี้ทุกวัน และจัดรถไฟขบวนพิเศษสายกรุงเทพฯ-น้ำตก ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 0 2223 7010, 0 2223 7020 หรือที่ 1690 หรือที่เว็บไซต์ <a href="http://www.railway.co.th/" target="_blank">http://www.railway.co.th/<br /> <br /> </a><strong>ประตูเมือง<br /> </strong>ตั้ง อยู่กลางเมืองกาญจนบุรี สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 พ.ศ. 2374 ซึ่งพระองค์ได้ทรงย้ายมาจากเมืองกาญจนบุรีเก่า ตำบลลาดหญ้า มาอยู่ในที่ปัจจุบัน<br /> <br /> <strong>พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเก่า<br /> </strong>ตั้ง อยู่ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง ริมฝั่งแม่น้ำแควน้อย ห่างจากตัวเมืองประมาณ 35 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 323 จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 3229 แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 3455 ไปประมาณ 3 กิโลเมตร เลี้ยวเข้าทางวัดท่าโป๊ะประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นที่ขุดพบหลักฐานทางโบราณคดี เกี่ยวกับมนุษย์สมัยหิน ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เป็นแห่งแรกในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2506 สิ่งที่ค้นพบ ได้แก่ โครงกระดูกมนุษย์ ขวานหิน เครื่องประดับและเครื่องปั้นดินเผา เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์ อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00 - 16.00 น. ค่าเข้าชมชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3465 4058<br /> <br /> <strong>พิพิธภัณฑ์สงครามอักษะและเชลยศึก (THE JEATH WAR MUSEUM)<br /> </strong>จัด ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เชลยศึกที่เสียชีวิต เพราะการก่อสร้างทางรถไฟสายมรณะกว่า 16,000 คน ตั้งอยู่ในวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้) ตำบลบ้านใต้ อยู่ห่างจากถนนแสงชูโต ประมาณ 300 เมตร ตัวอาคารสร้างเป็นกระท่อมไม้ไผ่เลียนแบบค่ายเชลยศึกสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมภาพถ่าย ภาพเขียน และบทความที่แสดงถึงความเป็นอยู่ของเชลยศึก ตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้ อาวุธปืนและลูกระเบิดในสมัยนั้น เพื่อสะท้อนให้เห็นบทเรียนอันน่าสะพรึงกลัวของสงคราม เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.30–16.30 น. ค่าเข้าชมชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3451 1263<br /> <br /> <strong>พิพิธภัณฑ์ทางรถไฟไทย-พม่า<br /> </strong>ตั้ง อยู่ใกล้กับสุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ทางรถไฟสายไทย-พม่า เริ่มตั้งแต่การเข้ามาของญี่ปุ่น การออกแบบและการสร้างทางรถไฟ สภาพภูมิศาสตร์ของทางรถไฟ สภาพชีวิตในค่ายเชลยศึก ด้านการแพทย์ ค่าของสงคราม การปฏิบัติการของทางรถไฟ การทิ้งระเบิดและการทำลายทางรถไฟ และเหตุการณ์หลังจากสงครามยุติ พิพิธภัณฑ์เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก (อายุต่ำกว่า 12 ปี) 30 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3451 0067, 0 3451 2721 หรือ <a href="http://www.tbrconline.com/" target="_blank">http://www.tbrconline.com/</a> หรือ E-mail: <a href="mailto:admin@tbrconline.com">admin@tbrconline.com</a> </p><br /><span class="style21"><br />จังหวัดกาญจนบุรี :: ข้อมูลทั่วไป </span></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>กาญจนบุรี</strong> เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางที่มีผู้คนนิยมเดินทางไปท่องเที่ยว เต็มไปด้วยเรื่องราวในอดีตที่น่าสนใจ เป็นแหล่งอารยธรรมเก่าแก่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เป็นสถานที่ตั้งของสะพานข้ามแม่น้ำแคว ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทยในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็น ป่าเขาลำเนาไพร ถ้ำหรือน้ำตก</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>กาญจนบุรี</strong> อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 129 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 19,473 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นป่ามีทั้งป่าโปร่ง และป่าดงดิบ มีแม่น้ำสำคัญสองสายคือ แม่น้ำแควใหญ่ และแม่น้ำแควน้อย ซึ่งไหลมาบรรจบรวมกันเป็นแม่น้ำแม่กลอง ที่บริเวณอำเภอเมืองกาญจนบุรี กาญจนบุรีแบ่งการปกครองออกเป็น 13 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอบ่อพลอย อำเภอเลาขวัญ อำเภอพนมทวน อำเภอไทรโยค อำเภอสังขละบุรี อำเภอศรีสวัสดิ์ อำเภอท่ามะกา อำเภอท่าม่วง อำเภอทองผาภูมิ อำเภอด่านมะขามเตี้ย อำเภอหนองปรือ และอำเภอห้วยกระเจา</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><span class="style20">ประวัติและความเป็นมา :</span></td> </tr> <tr> <td>พื้นที่ กว้างใหญ่ ซึ่งเป็นที่ตั้ง จ.กาญจนบุรี ในปัจจุบัน มีประวัติความเป็นมา ที่ต่อเนื่อง และยาวนาน ประวัติ หน้าสุดท้ายของกาญจนบุรี ย้อนกลับไปเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์หน้าแรก ได้อย่างบังเอิญ เมื่อเชลยศึก ที่ถูกเกณฑ์ มาสร้างทางรถไฟคนหนึ่ง ค้นพบเครื่องมือหิน ของมนุษย์ ก่อนประวัติศาสตร์ ระหว่างการก่อสร้างทางรถไฟ บริเวณ สถานีบ้านเก่า ต.จระเข้เผือก อ.เมือง ทำให้เกิดการขุดค้นทางโบราณคดี และสามารถ ค้นพบหลักฐานของ มนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์จำนวนมาก แม้จนถึงปัจจุบันยังขุดพบอยู่</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>ใน สมัยทวารวดี ซึ่งอยู่ในสมัยประวัติศาสตร์ ของ ประเทศไทย พบซาก โบราณสถาน และ โบราณวัตถุ ที่ ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี (ปัจจุบัน เป็นพื้นที่อ่างเก็บน้ำ เขื่อนเขาแหลม ) ซึ่งเป็นเจดีย์ ลักษณะเดียวกับ จุลประโทณเจดีย์ จ.นครปฐม เจดีย์ ที่บ้านคูบัว จ.ราชบุรี และที่เมืองอู่ทอง จ.สุพรรณบุรี นอกจากนี้ ยังพบฐาน เจดีย์ และ พระพิมพ์ สมัยทวารดี จำนวนมาก ที่ บ้านท่าหวี ริมแม่น้ำแควใหญ่ ต.ลาดหญ้า อ.เมือง อีกด้วย แสดงว่าในสมัยนั้น พื้นที่ ริมแม่น้ำหลายแห่ง ซึ่งเป็นเส้นทาง คมนาคม สำคัญ มีชุมชน หรือ เมืองโบราณ ซึ่ง มีความสัมพันธ์ กับชุมชน โบราณ ใกล้เคียงกัน</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>ใน สมัย พุทธศตวรรษ ที่ 16-18 ขอม ได้แผ่อิทธิพล เข้ามาใน ประเทศไทย ซึ่งพบหลักฐานสำคัญ คือ ปราสาทเมืองสิงห์ ซึ่งมีลักษณะเป็น ศิลปะขอม สมัยบายน มีอายุในช่วงสมัย พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ในพุทธศตวรรษที่ 18 นอกจากนี้ ยังพบหลักฐานที่เป็นศิลปะขอม สมัยเดียวกัน ที่เมืองครุฑ และ เมืองกลอนโด อ.ไทรโยค</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>ใน สมัย สุโขทัย พบหลักฐาน ในพงศาวดารเหนือ ว่า กาญจนบุรี ตกเป็นเมืองขึ้น ของ สุพรรณบุรี ตามที่กล่าวว่า พญากง ได้มาครอง เมือง กาญจนบุรี แต่ก็ไม่มีหลักฐานอื่น มาสนับสนุน ต่อมา ในสมัย อยุธยา กาญจนบุรี มีฐานะเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญ โดยตัวเมือง ตั้งอยู่ ที่บ้านท่าเสา ต.ลาดหญ้า ใกล้เขาชนไก่ และ ยังปรากฏ หลักฐาน เป็นซากโบราณสถาน และ โบราณวัตถุ ดังที่เห็นในปัจจุบัน </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>กาญจนบุรี</strong> ยังคงเป็นเมืองหน้าด่าน สืบเนื่องมาจนถึง สมัยกรุงธนบุรี และ รัตนโกสินทร์ โดย ในสมัยรัชกาลที่ 1 พระองค์ โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมือง กาญจนบุรี มาตั้งใหม่ ที่บ้าน ปากแพรก เพื่อมาตั้งรับทัพ พม่า ที่เดินทัพ ลงมาตามลำน้ำแม่กลอง เพื่อเข้าตี กรุงเทพฯ ได้มีการสร้างกำแพงล้อมรอบเมือง อย่างมั่นคง ใน สมัยรัชกาลที่ 3 และให้มีเจ้าเมือง คือ พระประสิทธิสงคราม นอกจากนั้น ยังตั้งหัวเมืองเล็กๆ ตามรายทาง เป็นหน้าด่านอีกเจ็ดแห่ง</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>สมัย รัชกาลที่ 5 เมื่อมีการจัดรูปแบบการปกครองประเทศใหม่ เป็นมณฑลเทศาภิบาล เมือง กาญจนบุรี ถูกโอนมาขึ้นกับมณฑล ราชบุรี และ แบ่งการปกครองเป็นสามอำเภอ คือ อ.เมือง อ.เหนือ (ปัจจุบันคือ อ.ท่าม่วง) และ อ.ใต้ (ปัจจุบัน คือ อ.พนมทวน) และต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2467 ได้ตั้งอำเภอเพิ่มอีกสองแห่ง คือ อ.ท่ามะกา และ อ.ทองผาภูมิ กับ กิ่ง อ.สังขละบุรี</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>ใน ช่วงสงคราม มหาเอเชียบูรพา ญี่ปุ่น ตัดสินใจสร้างทางรถไฟ สาย ไทย - พม่า เชื่อมจากสถานีหนองปลาดุก จ.ราชบุรี ผ่าน กาญจนบุรี เลาะริมแม่น้ำแควน้อย ไปเชื่อมกับ ทางรถไฟ ที่สร้างมาจาก พม่า ที่ด่านเจดีย์สามองค์ เป็นทางรถไฟ ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก และมีผู้คนจำนวนมาก เดินทางมาเยี่ยมชม เพื่อคาราวะ ต่อดวงวิญญาณ ผู้เสียชีวิต และรำลึก ถึงความโหดร้าย ทารุณ ของสงคราม</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><span class="style20">อาณาเขต :</span></td> </tr> <tr> <td>ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดอุทัยธานี จังหวัดตากและสหภาพเมียนม่าร์<br /> ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดราชบุรีและจังหวัดนครปฐม<br /> ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดสุพรรณบุรี<br /> ทิศตะวันตก ติดต่อกับสหภาพเมียนม่าร์</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><span class="style20">ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอต่างๆ</span></td> </tr> <tr> <td>อำเภอเมือง -- กิโลเมตร<br /> อำเภอท่าม่วง 12 กิโลเมตร<br /> อำเภอพนมทวน 24 กิโลเมตร<br /> อำเภอท่ามะกา 30 กิโลเมตร<br /> อำเภอด่านมะขามเตี้ย 30 กิโลเมตร<br /> อำเภอบ่อพลอย 40 กิโลเมตร<br /> อำเภอไทรโยค 50 กิโลเมตร<br /> อำเภอห้วยกระเจา 64 กิโลเมตร<br /> อำเภอหนองปรือ 75 กิโลเมตร<br /> อำเภอเลาขวัญ 98 กิโลเมตร<br /> อำเภอศรีสวัสดิ์ 102 กิโลเมตร<br /> อำเภอทองผาภูมิ 145 กิโลเมตร<br /> อำเภอสังขละบุรี 230 กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><span class="style20">หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 034)</span></td> </tr> <tr> <td><table border="0" width="80%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>งานข่าวสารการท่องเที่ยว ททท. </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>02-694-1222 ต่อ 8 , 02-282-9773</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>ททท.ภาคกลาง เขต 1 (กาญจนบุรี) </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-511-200 , 034-512-500</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>ประชาสัมพันธ์จังหวัด </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-512-410 , 034-514-756</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>ตำรวจท่องเที่ยว </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-512-795</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>สภ.อ.เมืองกาญจนบุรี </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-621-040-2</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>สภ.อ.ด่านมะขามเตี้ย </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-642-098</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>สภ.ต.ด่านแม่แฉลบ </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-597-067</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>สภ.อ.ทองผาภูมิ </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-599-120 , 034-599-113</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>สภ.อ.ท่าม่วง </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-611-888 , 611-020</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>สภ.อ.ท่ามะกา </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-541-040 , 034-640-579</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>สภ.ต.ท่าเรือ </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-561-030</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>สภ.อ.ไทรโยค </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-591-030 , 034-591-026</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>สภ.อ.บ่อพลอย </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-581-244</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>สภ.อ.พนมทวน </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-579-053 , 034-579-303-4</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>สภ.ต.ลาดหญ้า </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-589-244</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>สภ.ต.ลูกแก </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-566-068</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>สภ.อ.เลาขวัญ </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-576-119 , 034-576-331</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>สภ.อ.ศรีสวัสดิ์ </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-574-220</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>สภ.อ.สังขละบุรี </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-595-300</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>สภ.ต.หนองขาว </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-586-113</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>สภ.อ.หนองปรือ </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-645-234</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>สภ.อ.ห้วยกระเจา </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-650-042</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>รพ.กาญจนบุรีเมมโมเรียล </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-624-189-93</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>รพ.ชนะกาญจน์ </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-622-366</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>รพ.พหลพลพยุหเสนา </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-511-233 , 034-622-999</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>รพ.แสงชูโต </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-621-127</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>รพ.เจ้าคุณไพบูลย์พนมทวน </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-630-409</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>รพ.ด่านมะขามเตี้ย </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-642-102-3</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>รพ.ท่ากระดาน </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-516-535</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>รพ.ท่าม่วง </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-611-033 , 034-626-268-9</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>รพ.ท่าเรือ </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-561-084 , 034-561-335</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>รพ.ไทรโยค </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-591-034</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>รพ.บ่อพลอย </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-581-139 , 034-581-160</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>รพ.พระบารมี </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-645-234</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>รพ.มะการักษ์ </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-542-031 , 034-542-035</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>รพ.เลาขวัญ </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-576-050</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>รพ.สังขละบุรี </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-595-058</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>สำนักงานเทศบาลเมืองกาญจนบุรี </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-511-502-2</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>ที่ว่าการอำเภอเมืองกาญจนบุรี </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-511-040 , 034-622-952</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>บริษัท ขนส่ง จำกัด </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-511-387</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>สถานีขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-511-182</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>สถานีรถไฟกาญจนบุรี </p></td> <td bgcolor="#ffffff" width="50%"><p>034-511-285</p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-46955550512629938072009-03-29T17:55:00.001-07:002009-03-30T10:29:48.875-07:00<table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><strong>กรุงเทพฯ</strong> เดิมเรียกชื่อกันว่า เมืองบางกอก ครั้นต่อ มา เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างกรุงเทพฯ ขึ้นเป็นเมือง หลวงใหม่แทนกรุงธนบุรี โดยทรงประกอบพิธีตั้งเสาหลัก เมืองเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2325 เสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2325 แล้วพระราชทานนามพระ นครนี้ว่า "กรุงเทพมหานครบวรรัตนโกสินทร์มหินทรายุ- ธยามหาดิลกภพนพรัตน์ราชธานีบุรีรมย์อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยะวิษณุกรรม- ประสิทธิ์" ต่อมารัชกาลที่ 4 ทรงเปลี่ยนนามตรงบวรรัตนโกสินทร์ เป็น "อมรรัตนโกสินทร์" ต่อมาเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2514 รัฐบาลได้มีประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 24 รวมจังหวัดพระนครและธนบุรีเข้าด้วยกัน เรียกชื่อว่า "นครหลวง กรุงเทพธนบุรี" หลังจากนั้นได้มีประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 334 วันที่ 14 ธันวาคม 2515 ปรับปรุงการปกครองใหม่และ เรียกชื่อใหม่เป็น "กรุงเทพมหานคร" แต่นิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า "กรุงเทพฯ" ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย เป็นศูนย์ กลางทางด้านการปกครอง การคมนาคมขนส่ง การค้าพาณิชย์ การสื่อสาร ฯลฯ กรุงเทพฯ มีเนื้อที่ 1,568.737 ตาราง กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>อาณาเขต และการปกครอง :</strong></td> </tr> <tr> <td><u>ทิศเหนือ</u> ติดต่อกับจังหวัดนนทบุรี<br /> <u>ทิศใต้</u> ติดต่อกับจังหวัดสมุทรปราการ<br /> <u>ทิศตะวันออก</u> ติดต่อกับจังหวัดฉะเชิงเทรา<br /> <u>ทิศตะวันตก</u> ติดต่อกับจังหวัดนครปฐม</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>กรุงเทพฯ</strong> แบ่งการปกครองออกเป็น 50 เขต คือ พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย ปทุมวัน สัมพันธวงศ์ บางรัก ยานนาวา สาธร บางคอแหลม บางซื่อ ดุสิต พญาไท ราชเทวี หัวยขวาง ดินแดง ประเวศ สวนหลวง จตุจักร ลาดพร้าว หนองจอก ลาดกระบัง ธนบุรี คลองสาน บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ บางพลัด จอมทอง ราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ หนองแขม พระโขนง บางนา คลองเตย วัฒนา บางเขน สายไหม ดอนเมือง หลักสี่ บางกะปิ วังทองหลาง บึงกุ่ม คันนายาว สะพานสูง มีนบุรี คลองสามวา ภาษีเจริญ บางแค บางขุนเทียน บางบอน ตลิ่งชัน ทวีวัฒนา</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ</strong></td> </tr> <tr> <td><table border="0" width="85%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ททท. อาคารเลอคองคอร์ด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>694-1222</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจท่องเที่ยว</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>1155</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจทางหลวง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>245-8880</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ศิริราช</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>411-0241-9</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.รามาธิบดี</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>246-1073-99</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.พระมงกุฎเกล้า</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>246-0066 , 246-1671-9</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ภูมิพลฯ</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>531-1970-99</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.กลาง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>221-6141-50</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.วชิรพยาบาล</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>243-0151-79</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ลาดกระบัง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>326-7987</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.จุฬาลงกรณ์</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>252-8131-9</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ราชวิถี</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>246-0052</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.เด็ก</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>246-1260-8</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.กล้วยน้ำไท</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>381-2006-20</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.พญาไท</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>245-2620-1</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.เมโย</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>579-9660-75</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.สงฆ์</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>274-1825-8</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ตา หู คอ จมูก</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>412-1950-3</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ธนบุรี</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>411-4001</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>468-0116-20</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ตำรวจ</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>252-8111-25</p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-34419216688643244772009-03-29T17:54:00.004-07:002009-03-30T10:29:48.881-07:00<table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><div class="style32" align="center"><strong>" เมืองดอกบัวงาม แม่น้ำสองสี มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน<br /> ถิ่นไทยนักปราชญ์ ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์ "</strong></div></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><div class="style32" align="center">" อุบลเมืองแก่งสุนทรีย์ รับสุรีย์แรกอรุณ คืนนักบุญเหล่าบัวบาน<br /> งานเทศกาลเทียนพรรษา แหล่งอารยาก่อนประวัติศาสตร์ "</div></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>อุบลราชธานี</strong> เป็นจังหวัดใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เป็นระยะทาง 629 กิโลเมตร สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบอันอุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำมูลไหลผ่านตอนกลางของพื้นที่ ด้านทิศตะวันออกเป็นที่ราบสูงและภูเขา มีหน้าผาหินทราย บริเวณชายฝั่งแม่น้ำโขง อันเป็นเส้นกั้นพรมแดน ระหว่างประเทศไทยและลาว </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>ประวัติเมืองอุบลราชธานี :</strong></td> </tr> <tr> <td><p>ดิน แดนแถบนี้ มีชนชาติ ข่า ส่วย อพยพมาจากกรุงศรีสัตนาคนหุตเข้ามาอาศัยอยู่ ตั้งแต่ก่อนสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ครั้นในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์ทรงคิดจะรวบรวมผู้คนที่แตกกระจัดกระจายจากภัยสงครามให้มาอยู่เป็น กลุ่มก้อน ดังนั้นถ้าใครสามารถรวบรวมผู้คนได้มาก และอยู่กันอย่างมั่นคง ก็จะได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าเมือง ด้วยเหตุนี้ในปี พ.ศ. 2329 ท้าวคำผง ซึ่งได้รวบรวมผู้คนอพยพมาตั้งหลักแหล่งทำกินอยู่ ณ บริเวณห้วยแจระแม อันเป็นที่ราบริมแม่น้ำมูล และต่อมาภายหลังมีความชอบจากการนำกำลังเข้าช่วยกองทัพไทยตีเมืองนครจำปา ศักดิ์ จึงได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ยกบ้านแจระแมเป็นเมืองอุบลราชธานี และแต่งตั้งให้ท้าวคำผง เป็นพระปทุมวรราชสุริยวงศ์เจ้าเมือง ภายหลังได้ย้ายเมืองมาตั้งใหม่ที่ "ดงอู่ผึ้ง" อันเป็นที่ตั้งจังหวัดในปัจจุบัน โดยมีเมืองเทียบเท่าชั้นจัตวาขึ้นอยู่รวม 7 เมือง<br /> <br />ในสมัยรัชกาลที่ 5 ก่อนจัดการปกครองแบบเทศาภิบาล เมืองอุบลราชธานีถูกรวมอยู่ในบริเวณหัวเมืองลาวกาว ต่อมาในปี พ.ศ. 2442 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นมณฑลตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีเมืองอุบลราชธานีเป็นที่ตั้งมณฑล และเปลี่ยนชื่อใหม่อีกครั้งหนึ่ง ในปี พ.ศ. 2443 เป็นมณฑลอีสาน<br /> <br />ในปี พ.ศ. 2468 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จึงลดฐานะมณฑลอุบลราชธานี ลงเป็นเพียงจังหวัดหนึ่ง ของมณฑลนครราชสีมา จนกระทั่งยุบเลิกมณฑลในปี พ.ศ. 2476 จึงกลายเป็นจังหวัดอุบลราชธานีตั้งแต่นั้นมา </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>อาณาเขตติดต่อและการปกครอง :</strong></td> </tr> <tr> <td><p><u>ทิศเหนือ</u> ติดต่อกับจังหวัดอำนาจเจริญ<br /> <u>ทิศใต้ </u>ติดต่อกับประเทศกัมพูชา ตามแนวเทือกเขาบรรทัด<br /> <u>ทิศตะวันออก</u> ติดต่อกับประเทศลาว<br /> <u>ทิศตะวันตก</u> ติดต่อกับจังหวัดยโสธรและศรีสะเกษ<br /> <br /> <strong>อุบลราชธานี</strong> มีพื้นที่ 15,517 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 18 อำเภอ และ 6 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอวารินชำราบ อำเภอเดชอุดม อำเภอพิบูลมังสาหาร อำเภอตระการพืชผล อำเภอเขมราฐ อำเภอน้ำยืน อำเภอเขื่องใน อำเภอบุญฑริก อำเภอศรีเมืองใหม่ อำเภอม่วงสามสิบ อำเภอนาจะหลวย อำเภอโขงเจียม อำเภอกุดข้าวปุ้น อำเภอโพธิ์ไทร อำเภอตาลสุม อำเภอสิรินธร อำเภอสำโรง กิ่งอำเภอดอนมดแดง กิ่งอำเภอทุ่งศรีอุดม กิ่งอำเภอนาเยีย กิ่งอำเภอนาตาล กิ่งอำเภอเหล่าเสือโก๊ก กิ่งอำเภอสว่างวีระวงศ์ </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอ และกิ่งอำเภอต่างๆ ในจังหวัดอุบลราชธานี</strong></td> </tr> <tr> <td>อำเภอวารินชำราบ 2 กิโลเมตร<br /> อำเภอสำโรง 26 กิโลเมตร<br /> อำเภอตาลสุม 34 กิโลเมตร<br /> อำเภอม่วงสามสิบ 35 กิโลเมตร<br /> อำเภอเขื่องใน 38 กิโลเมตร<br /> อำเภอตระการพืชผล 45 กิโลเมตร<br /> อำเภอเดชอุดม 45 กิโลเมตร<br /> อำเภอพิบูลมังสาหาร 45 กิโลเมตร<br /> อำเภอศรีเมืองใหม่ 66 กิโลเมตร<br /> อำเภอกุดข้าวปุ้น 71 กิโลเมตร<br /> อำเภอสิรินธร 72 กิโลเมตร<br /> อำเภอโขงเจียม 75 กิโลเมตร<br /> อำเภอบุณฑริก 87 กิโลเมตร<br /> อำเภอโพธิ์ไทร 95 กิโลเมตร<br /> อำเภอน้ำยืน 101 กิโลเมตร<br /> อำเภอเขมราฐ 106 กิโลเมตร<br /> อำเภอนาจะหลวย 135 กิโลเมตร<br /> กิ่งอำเภอสว่างวีระวงศ์ 20 กิโลเมตร<br /> กิ่งอำเภอเหล่าเสือโก๊ก 7 กิโลเมตร<br /> กิ่งอำเภอดอนมดแดง 35 กิโลเมตร<br /> กิ่งอำเภอนาเยีย 35 กิโลเมตร<br /> กิ่งอำเภอทุ่งศรีอุดม 74 กิโลเมตร<br /> กิ่งอำเภอนาตาล 93 กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr><tr> <td><strong>หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 045)</strong></td> </tr> <tr> <td><table border="0" width="85%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ททท.สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 2 จ.อุบลราชธานี</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>243-770-1</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจท่องเที่ยว</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>1155</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีตำรวจภูธร อ.เมือง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>254-216 , 254-120</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ไปรษณีย์จังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>254-001</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีขนส่งจังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>244-342</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.สรรพสิทธิ์ประสงค์</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>254-153</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.เดชอุดม</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>361-133-4</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.เขมราฐ</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>491-182</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.นาจะหลวย</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>379-098</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.สำโรง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>241-630</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.โขงเจียม</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>351-083</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.พิบูลมังสาหาร</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>441-053</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.วารินชำราบ</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>321-243</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ศรีเมืองใหม่</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>399-112</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.หัวตะพาน</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>469-003</p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-83071217382800475382009-03-29T17:54:00.003-07:002009-03-30T10:29:48.887-07:00<table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><div class="style32" align="center"><strong>" น้ำตกจากสันภูพาน อุทยานแห่งธรรมะ อารยธรรมห้าพันปี ธานีผ้าหมี่-ขิด<br /> แดนเนรมิตรหนองประจักษ์ เลิศลักษณ์กล้วยไม้หอม อุดรซันไชน์ "</strong></div></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>ตั้ง อยู่บนที่ราบสูงภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เป็นดินแดนที่มีอารยธรรมเก่าแก่แห่งหนึ่งของโลก มีเนื้อที่ 15,589 ตารางกิโลเมตรพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง พื้นที่เอียงลาดลงสู่แม่น้ำโขงทางด้านทิศตะวันตก มีภูเขาและป่าติดต่อกันเป็นแนวยาวตามเขตแดนของจังหวัด ตั้งแต่อำเภอน้ำโสม ลงมาทางทิศใต้ และตรงไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทางด้านจังหวัดกาฬสินธุ์และสกลนคร มีภูเขาเล็กๆ กระจัดกระจายอยู่เป็นจำนวนมาก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นดินปนทรายและดินลูกรัง ชั้นล่างเป็นดินดาน มีเทือกเขาที่สำคัญคือ เทือกเขาภูพาน แม่น้ำสายสำคัญคือ แม่น้ำสงคราม </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>อาณาเขตติดต่อและการปกครอง :</strong></td> </tr> <tr> <td><p><u>ทิศเหนือ</u> จดจังหวัดหนองคาย<br /> <u>ทิศใต้ </u>จดจังหวัดขอนแก่นและกาฬสินธุ์<br /> <u>ทิศตะวันออก</u> จดจังหวัดสกลนคร<br /> <u>ทิศตะวันตก</u> จดจังหวัดเลย<br /> <br />จังหวัดอุดรธานีแบ่งการปกครองออกเป็น 16 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ คือ อำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอหนองวัวซอ อำเภอหนองหาน อำเภอบ้านผือ อำเภอบ้านดุง อำเภอกุมภวาปี อำเภอโนนสะอาด อำเภอเพ็ญ อำเภอน้ำโสม อำเภอกุดจับ อำเภอศรีธาตุ อำเภอวังสามหมอ อำเภอทุ่งฝน อำเภอสร้างคอม อำเภอไชยวาน อำเภอหนองแสง กิ่งอำเภอนายูง และกิ่งอำเภอพิบูลย์รักษ์ </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>ระยะทางจากตัวเมืองไปยังอำเภอต่างๆ</strong></td> </tr> <tr> <td>อำเภอกุดจับ 24 กิโลเมตร<br /> อำเภอหนองหาน 35 กิโลเมตร<br /> อำเภอหนองแสง 35 กิโลเมตร<br /> อำเภอหนองวัวซอ 39 กิโลเมตร<br /> อำเภอกุมภวาปี 43 กิโลเมตร<br /> อำเภอเพ็ญ 43 กิโลเมตร<br /> อำเภอโนนสะอาด 53 กิโลเมตร<br /> อำเภอบ้านผือ 55 กิโลเมตร<br /> อำเภอไชยวาน 62 กิโลเมตร<br /> อำเภอทุ่งฝน 65 กิโลเมตร<br /> อำเภอสร้างคอม 68 กิโลเมตร<br /> อำเภอศรีธาตุ 72 กิโลเมตร<br /> อำเภอบ้านดุง 84 กิโลเมตร<br /> อำเภอวังสามหมอ 96 กิโลเมตร<br /> อำเภอน้ำโสม 110 กิโลเมตร<br /> กิ่งอำเภอพิบูลย์รักษ์ 50 กิโลเมตร<br /> กิ่งอำเภอนายูง 129 กิโลเมตร </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>ระยะทางจากอุดรธานีไปยังสถานีที่ใกล้เคียง</strong></td> </tr> <tr> <td>หนองคาย 51 กิโลเมตร<br /> ขอนแก่น 115 กิโลเมตร<br /> เลย 152 กิโลเมตร<br /> สกลนคร 159 กิโลเมตร<br /> กาฬสินธุ์ 192 กิโลเมตร<br /> หนองบัวลำภู 46 กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 042)</strong></td> </tr> <tr> <td><table cellpadding="0" cellspacing="0" width="80%"> <tbody><tr> <td><p>ททท.สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต5 จ.อุดรธานี</p></td> <td><p>325-406-7</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>สำนักงานจังหวัดอุดรธานี</p></td> <td><p>223-304</p></td> </tr> <tr> <td><p>บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน)</p></td> <td><p>222-845</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>สถานีรถไฟอุดรธานี</p></td> <td><p>222-061</p></td> </tr> <tr> <td><p>สถานีขนส่ง</p></td> <td><p>247-950-2</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>ชุมสายโทรศัพท์</p></td> <td><p>244-234</p></td> </tr> <tr> <td><p>สถานีตำรวจภูธร อ.เมือง</p></td> <td><p>222-285</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>ตำรวจทางหลวง</p></td> <td><p>295-155</p></td> </tr> <tr> <td><p>ตำรวจท่องเที่ยว</p></td> <td><p>1155</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.อุดรธานี</p></td> <td><p>244-251-3</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.กุดจับ</p></td> <td><p>291-228</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.กุมภวาปี</p></td> <td><p>331-236-8</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.ไชยวาน</p></td> <td><p>267-031</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.น้ำโสม</p></td> <td><p>289-164</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.โนนสัง</p></td> <td><p>355-120</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.โนนสะอาด</p></td> <td><p>391-323</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.บ้านผื่อ</p></td> <td><p>281-208-9</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.เพ็ญ</p></td> <td><p>379-106</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.วังสามหมอ</p></td> <td><p>389-240</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.ศรีธาตุ</p></td> <td><p>381-035</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.สร้างดอน</p></td> <td><p>277-051-5</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.หนองแสง</p></td> <td><p>397-111</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.หนองหาน</p></td> <td><p>261-135-6</p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-44549233719738669142009-03-29T17:54:00.001-07:002009-03-30T10:29:48.892-07:00<table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><span class="style13">จังหวัดอำนาจเจริญ :: สถานที่ท่องเที่ยว อำเภอเมือง </span></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p><strong>พุทธอุทยานและพระมงคลมิ่งเมือง</strong><br />ตั้งอยู่ที่เขาดานพระบาท ห่างจากตัวเมืองไปทางด้านเหนือประมาณ 3 กิโลเมตร บริเวณวัดประกอบด้วย หินดานธรรมชาติร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด ซึ่งได้รับการปรับแต่งให้เป็น "พุทธอุทยาน" ส่วนพระมงคลมิ่งเมือง หรือพระใหญ่ ปางมารวิชัย องค์พระหน้าตักกว้าง 11 เมตร ความสูงจากระดับพื้นดินถึงยอดเปลวรัศมี 20 เมตร เป็นพระพุทธรูปที่ได้รับอิทธิพลสกุลศิลปอินเดียเหนือ (ปาละ) ที่แผ่อิทธิพลมายังภาคอีสานของไทย เมื่อพันปีเศษ ออกแบบโดย จิตร บัวบุศย์ โดยการก่อสร้างแบบคอนกรีตเสริมเหล็กครอบ พระองค์เดิม ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปูนปั้น มีฐานกว้าง 8.4 เมตร ยาว 12.6 เมตร สูง 5.2 เมตร แล้วแต่งองค์พระด้านนอกด้วยกระเบื้องโมเสคสีทอง สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2508 เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดอำนาจเจริญ และจังหวัดอุบลราชธานี พระมงคลมิ่งเมืองเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามประจำภาคตะวันออกเฉียง เหนือ ทางด้านหลังของพระมงคลมิ่งเมือง มีพระพุทธรูปลักษณะแปลกอีก 2 องค์ ห่มจีวรเหลืองลออตา มีนามว่า "พระละฮาย" หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "พระขี่ล่าย" หมายถึง ไม่สวย ไม่งาม โดยเรียกตามรูปลักษณ์ขององค์พระพุทธรูปโบราณ พบในหนองน้ำเมื่อปี พ.ศ. 2505 ครั้งที่มีการปรับปรุงบริเวณโดยรอบเพื่อทำฝายกั้นน้ำ ถือกันว่าเป็นพระที่ให้โชคลาภ ชาวบ้านมักมาบนบานขอพรอยู่เสมอ </p><p><strong>วัดถ้ำแสงเพชร หรือวัดศาลาพันห้อง</strong><br />ตั้งอยู่บนถนนสายอำนาจเจริญ-เขมราฐ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 18 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นวัดที่มีบริเวณกว้างขวาง ประกอบด้วย วิหารอยู่บนยอดเขาสูง ทางด้านทิศเหนือของวิหาร มีถ้ำขนาดใหญ่ ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ "พระเหลาเทพนิมิตร" เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ประดิษฐานในพระอุโบสถ องค์พระพุทธรูปประทับขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย ลงรักปิดทองงดงาม สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2263 กล่าวกันว่า เป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะ งดงามที่สุดในภาคอีสาน ซึ่งจัดอยู่ในพระพุทธรูปศิลปะลาว สกุลช่างเวียงจันทน์ ที่ได้รับอิทธิพลจากพระพุทธรูปศิลปะล้านนา ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 21-22 สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นหลังจากระยะเวลาดังกล่าวไปเล็กน้อย เนื่องจากมีอิทธิพลของฝีมือช่างท้องถิ่นปรากฏอยู่มาก เป็นต้นว่าเค้าพระพักตร์ เปลวรัศมีที่ยืดสูงขึ้น สัดส่วนของพระเพลา และพระบาท ซึ่งคล้ายคลึงกับที่ปรากฏอยู่ในกลุ่มพระพุทธรูปไม้ และสำริด ที่สร้างขึ้นระหว่างปลายพุทธศตวรรษที่ 23 ถึงพุทธศตวรรษที่ 24<br /> <br /> <strong>วัดไชยาติการาม</strong><br />ตั้งอยู่ที่บ้านโพนเมือง ตำบลไม้กลอน วัดนี้มีพระพุทธรูปสำริดประทับขัดสมาธิราบปางมารวิชัยสูง 55 เซนติเมตร จัดอยู่ในกลุ่มพระพุทธรูปศิลปะลาวสกุลช่างเวียงจันทน์ เปรียบเทียบได้กับพระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่ระเบียงหอพระแก้วเมืองเวียงจันทน์ และพระพุทธรูปที่วัดวิชุล เมืองหลวงพระบาง ซึ่งมีอายุอยู่ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 22 ถึงพุทธศตวรรษที่ 23 </p> <p><strong>แหล่งทอผ้าไหม</strong><br />ตั้งอยู่ที่บ้านสร้อย ตำบลจานลาน เป็นหมู่บ้านที่ชาวบ้านรวมตัวกันจัดตั้งเป็นสหกรณ์ทอผ้าไหม จัดเป็นอุตสาหกรรมครัวเรือน และเป็นอุตสาหกรรมแบบครบวงจร คือ ปลูกหม่อนเลี้ยงตัวไหมเอง ทอผ้าไหมเอง และจัดจำหน่ายผ้าไหมเองด้วย </p></td></tr></tbody></table><br /><span class="style13"><br />จังหวัดอำนาจเจริญ :: ข้อมูลทั่วไป</span></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>จังหวัดอำนาจเจริญ</strong> ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ระยะทางห่างจากกรุงเทพฯ โดยเส้นทางรถยนต์ประมาณ 568 กิโลเมตร มีพื้นที่การปกครองทั้งสิ้น 3,161.248 ตารางกิโลเมตร เริ่มตั้งเป็นเมืองในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยขึ้นอยู่กับนครเขมราฐ ต่อมาจึงได้ย้ายมาขึ้นต่อเมืองอุบลราชธานี จนกระทั่งได้รับการประกาศจัดตั้งเป็นจังหวัดอำนาจเจริญ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2536 </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><span class="style11">อาณาเขต</span></td> </tr> <tr> <td><u>ทิศเหนือ</u> ติดต่อกับจังหวัดยโสธร ที่อำเภอเลิงนกทา และจังหวัดมุดาหาร ที่อำเภอดอนตาล<br /> <u>ทิศตะวันออก</u> ติดต่อกับประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาวตามแนวฝั่งแม่น้ำโขงด้าน อำเภอชานุมาน เป็นระยะทาง 38 กิโลเมตร และติดต่อกับจังหวัดอุบลราชธานี ที่อำเภอ เขมราฐ อำเภอกุดข้าวปุ้น และอำเภอตระการพืชผล<br /> <u>ทิศตะวันตก</u> ติดต่อกับจังหวัดยโสธร ที่อำเภอป่าติ้ว และอำเภอเลิงนกทา<br /> <u>ทิศใต้</u> ติดต่อกับจังหวัดอุบลราชธานี ที่อำเภอเมือง อุบลราชธานี และอำเภอม่วงสามสิบ</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p><strong>อำนาจเจริญ</strong> แบ่งการปกครองออกเป็น 6 อำเภอ และ 1 กิ่งอำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอหัวตะพาน อำเภอพนา อำเภอเสนางคนิคม อำเภอชานุมาน อำเภอปทุมราชวงศา และกิ่งอำเภอลืออำนาจ </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><span class="style11">หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 045)</span></td> </tr> <tr> <td><table border="0" width="85%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ททท.สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 2 จ.อุบลราชธานี </p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>243-770-1</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจท่องเที่ยว</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>1155</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจทางหลวง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>451-656</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>512-007</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ไปรษณีย์จังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>451-495</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีขนส่งจังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>511-018</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.อำนาจเจริญ</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>451-025 , 451-075</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ชานุมาน</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>499-002</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.เสนางนิคม</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>461-008</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.พนา</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>486-003</p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-273757626396346022009-03-29T17:53:00.003-07:002009-03-30T10:29:48.896-07:00 <table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr> <td><div align="center"><span class="style26">" ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อุทยานแห่งชาติภูเก้าภูพานคำ<br /> แผ่นดินธรรมหลวงปู่ขาว เด่นสกาวถ้ำเอราวัณ นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน "</span></div></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>หนองบัวลำภู</strong> เดิมเคยเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดอุดรธานี อยู่ห่างจากจังหวัดอุดรธานีประมาณ 46 กิโลเมตร (มีระยะทางห่างจากกรุงเทพฯ โดยเส้นทางรถยนต์ประมาณ 568 กิโลเมตร) ในอดีตหนองบัวลำภูเป็นเมืองโบราณ ที่ก่อตั้งมาแล้วไม่น้อยกว่า 900 ปี เดิมเป็นดินแดนที่ขึ้นต่อกรุงศรีสัตตนาคนหุต มีชื่อว่า "เมืองหนองบัวลุ่มภู นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน" เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบาย ในการกระจายอำนาจมายังส่วนภูมิภาค เพื่อประโยชน์ในด้านการปกครอง การให้บริการของรัฐ การอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน การส่งเสริมให้ท้องที่เจริญยิ่งขึ้น ตลอดจนเพื่อความมั่นคงของชาติ ประกอบกับจังหวัดอุดรธานี มีอาณาเขตกว้างขวาง และมีพลเมืองมาก จึงเห็นสมควรแยกอำเภอต่างๆ บางอำเภอ ตั้งขึ้นเป็นจังหวัด โดยได้รับการสถาปนาให้เป็น "จังหวัดหนองบัวลำภู" อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2536 เป็นต้นไป </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p><strong>จังหวัดหนองบัวลำภู</strong> ตั้งอยู่บนที่ราบสูงภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย อยู่ในเขตที่ราบลุ่มเชิงเขาภูพานคำ ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบสูงสลับกับแนวเขาด้านทิศตะวันออก มีภูเขาและป่าติดต่อกัน ตั้งแต่อำเภอสุวรรณคูหา ทอดยาวไปตามอำเภอเมืองหนองบัวลำภู จนถึงแนวเทือกเขาภูพาน ในเขตอำเภอโนนสัง ทางด้านจังหวัดขอนแก่น พื้นที่ในบริเวณดังกล่าวจึงเป็นที่ราบสูง และค่อยๆ ลาดเอียงไปทางอำเภอนากลาง อำเภอศรีบุญเรือง ซึ่งเป็นที่ราบลุ่มเหมาะกับการทำนาโดยทั่วไป </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>อาณาเขตและการปกครอง :</strong></td> </tr> <tr> <td><u>ทิศเหนือ</u> จดจังหวัดอุดรธานี<br /> <u>ทิศตะวันออก</u> จดจังหวัดอุดรธานี<br /> <u>ทิศตะวันตก</u> จดจังหวัดเลย<br /> <u>ทิศใต้</u> จดจังหวัดขอนแก่น</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>จังหวัด หนองบัวลำภูแบ่งการปกครองออกเป็น 5 อำเภอ คือ อำเภอเมืองหนองบัวลำภู อำเภอโนนสัง อำเภอศรีบุญเรือง อำเภอนากลาง และอำเภอสุวรรณคูหา มีพื้นที่การปกครองทั้งสิ้น 3,859.086 ตารางกิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 042)</strong></td> </tr> <tr> <td><table cellpadding="0" cellspacing="0" width="80%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ททท.สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 5 จ.อุดรธานี</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>325-406-7</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีขนส่งจังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>312-164</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ไปรษณีย์จังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>312-374</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจท่องเที่ยว</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>1155</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจทางหลวง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>311-520</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>311-054</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.หนองบัวลำภู</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>311-107-8</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.โนนสัง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>355-120</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ศรีบุญเรือง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>351-063</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.นากลาง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>359-035</p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-76691711976565746712009-03-29T17:53:00.001-07:002009-03-30T10:29:48.901-07:00<table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><div align="center"><span class="style27">" วีรกรรมปราบฮ่อ หลวงพ่อพระใส สะพานไทย-ลาว "</span></div></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>ใน ปี พ.ศ. 2369 สมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าอนุวงศ์แห่งเมืองเวียงจันทน์กบฏไม่ยอมขึ้นกับไทยอีก และได้ยกกองทัพมากวาดต้อนผู้คนในเขตแดนไทยกลับไป ในการปราบกบฏดังกล่าว ท้าวสุวอธรรมาได้ยกทัพจากเมืองยโสธรมาช่วยกองทัพที่ยกไปจากกรุงเทพฯ จนสามารถมีชัยเหนือเจ้าอนุวงศ์และจับกุมตัวลงมากรุงเทพฯ ได้สำเร็จ รัชกาลที่ 3 จึงพระราชทานบำเหน็จให้ท้าวสุวอธรรมาเลือกทำเลที่จะสร้างเมืองขึ้นรวม 4 แห่ง ซึ่งในที่สุดท้าวสุวอธรรมาได้เลือกสร้างเมืองที่บ้านไผ่ เรียกชื่อว่าเมืองหนองคาย เมื่อ พ.ศ. 2370 </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>พ. ศ. 2434 เมืองหนองคายได้เป็นสถานที่ตั้งมณฑลลาวพรวน จนกระทั่ง พ.ศ. 2436 จึงได้ย้ายไปตั้งที่ทำการมณฑลที่บ้านหมากแข้ง เนื่องจากได้เสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้กับฝรั่งเศส ต่อมาในปี พ.ศ. 2443 ได้จัดตั้งมณฑลอุดรขึ้นที่บ้านหมากแข้ง เมืองหนองคาย จึงมีฐานะเป็นเมืองหนึ่งของมณฑลอุดร </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p>หลัง จากยกเลิกการปกครองแบบมณฑลเทศา ภิบาลในปี พ.ศ. 2476 จังหวัดหนองคายซึ่งขึ้นกับมณฑลอุดร ได้แยกตัวออกมาเป็นจังหวัดหนองคายในปัจจุบัน </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>หนองคาย</strong> เป็นจังหวัดชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ตั้งอยู่บริเวณฝั่งขวาของแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับท่าเดื่อของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีพื้นที่ประมาณ 7,739.28 ตารางกิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>โดย ทั่วไป ทิศเหนือเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ ทิศตะวันออกเป็นที่สูงและป่าโปร่ง ทิศตะวันตกเป็นภูเขาและป่า ติดต่อกันถึงเขตจังหวัดเลย ด้านทิศใต้เป็นที่สูง มีระดับความสูงโดยเฉลี่ย 1,200 ฟุต จากระดับน้ำทะเล</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>ฤดู กาลในจังหวัดหนองคายมี 3 ฤดู ในฤดูร้อนอากาศจะร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุดประมาณ 35 ํC ในฤดูฝนจะมีฝนตกหนัก เนื่องจากมีภูมิประเทศอยู่ติดกับแม่น้ำโขง ในฤดูหนาวอากาศจะหนาวเย็น เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่สูง อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 11 ํC</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>อาณาเขตและการปกครอง :</strong></td> </tr> <tr> <td><u>ทิศเหนือ</u> จดแม่น้ำโขงอันเป็นเส้นกั้นพรมแดนระหว่าง ประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว<br /> <u>ทิศใต้</u> จดจังหวัดอุดรธานี สกลนคร<br /> <u>ทิศตะวันออก</u> จดจังหวัดนครพนม<br /> <u>ทิศตะวันตก</u> จดจังหวัดเลย</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p><strong>จังหวัดหนองคาย</strong> แบ่งการปกครองออกเป็น 12 อำเภอ 4 กิ่งอำเภอ คือ อำเภอเมืองหนองคาย อำเภอบึงกาฬ อำเภอโพนพิสัย อำเภอศรีเชียงใหม่ อำเภอเซกา อำเภอท่าบ่อ อำเภอโซ่พิสัย อำเภอสังคม อำเภอพรเจริญ อำเภอปากคาด อำเภอบึงโขงหลง อำเภอศรีวิไล กิ่งอำเภอบุ่งคล้า กิ่งอำเภอเฝ้าไร่ กิ่งอำเภอสระใครและกิ่งอำเภอรัตนวาปี </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>ระยะทางจากตัวจังหวัดไปยังอำเภอต่างๆ</strong></td> </tr> <tr> <td>- อำเภอท่าบ่อ ระยะทาง 42 กิโลเมตร<br /> - อำเภอโพนพิสัย ระยะทาง 45 กิโลเมตร<br /> - อำเภอศรีเชียงใหม่ ระยะทาง 57 กิโลเมตร<br /> - อำเภอโซ่พิสัย ระยะทาง 90 กิโลเมตร<br /> - อำเภอปากคาด ระยะทาง 90 กิโลเมตร<br /> - อำเภอสังคม ระยะทาง 95 กิโลเมตร<br /> - อำเภอบึงกาฬ ระยะทาง 136 กิโลเมตร<br /> - อำเภอพรเจริญ ระยะทาง 182 กิโลเมตร<br /> - อำเภอเซกา ระยะทาง 228 กิโลเมตร<br /> - อำเภอบึงโขงหลง ระยะทาง 238 กิโลเมตร<br /> - กิ่งอำเภอศรีวิไล ระยะทาง 163 กิโลเมตร<br /> - กิ่งอำเภอบุ่งคล้า ระยะทาง 181 กิโลเมตร<br /> - กิ่งอำเภอสระใคร ระยะทาง 24 กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>ระยะทางจากจังหวัดหนองคายไปยังสถานที่ใกล้เคียง</strong></td> </tr> <tr> <td>- จังหวัดอุดรธานี ระยะทาง 51 กิโลเมตร<br /> - จังหวัดเลย ระยะทาง 202 กิโลเมตร<br /> - จังหวัดสกลนคร ระยะทาง 210 กิโลเมตร<br /> - จังหวัดนครพนม ระยะทาง 303 กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 042)</strong></td> </tr> <tr> <td><table cellpadding="0" cellspacing="0" width="80%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สำนักงานจังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>411-778</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ประชาสัมพันธ์จังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>412-110</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ททท.สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 5 จ.อุดรธานี</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>325-406-7</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจท่องเที่ยว</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>1155</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจทางหลวง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>420-093</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>411-021 , 411-071</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีขนส่งจังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>411-612</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ไปรษณีย์จังหวัด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>411-521</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.หนองคาย</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>411-360 , 411-366</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.โพนพิสัย</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>471-204-5</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.บึงกาฬ</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>491-162-3</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.เซกา</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>489-099</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.พรเจริญ</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>487-099</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ปากคาด</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>481-099-100</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.บึงโขงหลวง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>489-008</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ท่าบ่อ</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>431-015</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ศรีเชียงใหม่</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>451-125</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.สังคม</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>441-051</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ศรีวิไล</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>497-099</p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-33437958982800832072009-03-29T17:52:00.004-07:002009-03-30T10:29:48.907-07:00<table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><div class="style32" align="center"><strong>" สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมงาม ประคำสวย ร่ำรวยปราสาท ผักกาดหวาน<br /> ข้าวสารหอม งามพร้อมวัฒนธรรม "</strong></div></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p>สุรินทร์ เป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนานจังหวัดหนึ่ง แต่ไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่นอน ว่ามีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอย่างไร อาศัยเพียงข้อสันนิษฐานของนักประวัติศาสตร์ นักโบราณคดี ตลอดจนคำบอกเล่าของผู้สูงอายุที่เล่าต่อๆ กันมา โดยเชื่อกันว่าเมืองสุรินทร์ถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 2,000 ปีล่วงมาแล้ว ในสมัยที่พวกขอมมีอำนาจอยู่ในบริเวณนี้ เมื่อขอมเสื่อมอำนาจลง เมืองสุรินทร์ได้ถูกทิ้งร้าง จนกลายเป็นป่าดงอยู่นาน จนกระทั่งปี พ.ศ. 2306 จึงปรากฏหลักฐานว่าหลวงสุรินทรภักดี (เชียงปุม) ซึ่งเดิมเป็นหัวหน้าหมู่บ้านเมืองที ได้ขอให้เจ้าเมืองพิมายกราบบังคมทูลขอพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จากพระเจ้าอยู่หัวพระที่นั่งสุริยามรินทร์ ย้ายหมู่บ้านจากบ้านเมืองที มาตั้งอยู่บริเวณบ้านคูประทาย บริเวณซึ่งเป็นที่ตั้งเมืองสุรินทร์ในปัจจุบันนี้ เนื่องจากเห็นว่าเป็นบริเวณที่มีชัยภูมิเหมาะสม มีกำแพงค่ายคูล้อมรอบ 2 ชั้น มีน้ำอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การประกอบอาชีพและอยู่อาศัย ต่อมาหลวงสิรินทรภักดีได้กระทำความดีความชอบ เป็นที่โปรดปราน จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกบ้านคูประทายเป็น "เมืองประทายสมันต์" และเลื่อนบรรดาศักดิ์หลวงสุรินทรภักดี เป็นพระสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง ให้เป็นเจ้าเมืองปกครอง<br /> <br />ในปี พ.ศ. 2329 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อ "เมืองประทายสมันต์" เป็น "เมืองสุรินทร์" ตามสร้อยบรรดาศักดิ์ของเจ้าเมือง </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>อาณาเขตและการปกครอง :</strong></td> </tr> <tr> <td><p>สุรินทร์ อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ โดยทางรถยนต์ประมาณ 457 กิโลเมตร และโดยทางรถไฟประมาณ 420 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งสิ้นประมาณ 8,124.056 ตารางกิโลเมตร<br /> <br /> <u>ทิศเหนือ</u> ติดต่อกับจังหวัดร้อยเอ็ด และมหาสารคาม<br /> <u>ทิศตะวันออก</u> ติดต่อกับจังหวัดศรีสะเกษ<br /> <u>ทิศใต้ </u>ติดต่อกับราชอาณาจักรกัมพูชา<br /> <u>ทิศตะวันตก</u> ติดต่อกับจังหวัดบุรีรัมย์<br /> <br />ปัจจุบันจังหวัดสุรินทร์ แบ่งการปกครองออกเป็น 13 อำเภอ คือ อำเภอเมืองสุรินทร์ อำเภอชุมพลบุรี อำเภอท่าตูม อำเภอจอมพระ อำเภอปราสาท อำเภอกาบเชิง อำเภอรัตนบุรี อำเภอสนม อำเภอศรีขรภูมิ อำเภอสังขะ อำเภอลำดวน อำเภอบัวเชด อำเภอสำโรงทาบ </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอต่างๆ</strong></td> </tr> <tr> <td>อำเภอลำดวน ระยะทาง 25 กิโลเมตร<br /> อำเภอจอมพระ ระยะทาง 26 กิโลเมตร<br /> อำเภอปราสาท ระยะทาง 28 กิโลเมตร<br /> อำเภอศีขรภูมิ ระยะทาง 34 กิโลเมตร<br /> อำเภอสังขะ ระยะทาง 49 กิโลเมตร<br /> อำเภอสนม ระยะทาง 50 กิโลเมตร<br /> อำเภอท่าตูม ระยะทาง 52 กิโลเมตร<br /> อำเภอกาบเชิง ระยะทาง 52 กิโลเมตร<br /> อำเภอสำโรงทาบ ระยะทาง 54 กิโลเมตร<br /> อำเภอรัตนบุรี ระยะทาง 70 กิโลเมตร<br /> อำเภอบัวเชด ระยะทาง 70 กิโลเมตร<br /> อำเภอชุมพลบุรี ระยะทาง 94 กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>ระยะทางจากจังหวัดสุรินทร์ไปยังจังหวัดใกล้เคียง</strong></td> </tr> <tr> <td>จังหวัดบุรีรัมย์ ระยะทาง 111 กิโลเมตร<br /> จังหวัดยโสธร ระยะทาง 135 กิโลเมตร<br /> จังหวัดร้อยเอ็ด ระยะทาง 137 กิโลเมตร<br /> จังหวัดศรีสะเกษ ระยะทาง 143 กิโลเมตร<br /> จังหวัดมหาสารคาม ระยะทาง 177 กิโลเมตร<br /> จังหวัดนครราชสีมา ระยะทาง 198 กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 044)</strong></td> </tr> <tr> <td><table cellpadding="0" cellspacing="0" width="75%"> <tbody><tr> <td><p>ททท.สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ<br /> เขต 1 จ.นครราชสีมา</p></td> <td><p>213-666 , 213-030</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>สำนักงานจังหวัดสุรินทร์</p></td> <td><p>512-039</p></td> </tr> <tr> <td><p>ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์</p></td> <td><p>511-004</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>ตำรวจท่องเที่ยว</p></td> <td><p>1155</p></td> </tr> <tr> <td><p>ตำรวจทางหลวง</p></td> <td><p>(045) 515-388</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>สถานีตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์</p></td> <td><p>511-077 , 513-555</p></td> </tr> <tr> <td><p>สถานีรถไฟจังหวัดสุรินทร์</p></td> <td><p>511-295</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>สถานีขนส่งจังหวัดสุรินทร์</p></td> <td><p>511-756</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.สุรินทร์</p></td> <td><p>514-125</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.ประสาท</p></td> <td><p>551-295</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.สังขะ</p></td> <td><p>571-028</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.ลำดวน</p></td> <td><p>541-090</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.สำโรงทาบ</p></td> <td><p>569-080</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.ท่าตูม</p></td> <td><p>591-126</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.รัตนบุรี</p></td> <td><p>599-151</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.สนม</p></td> <td><p>589-025</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.ศรีขรภูมิ</p></td> <td><p>561-160</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.กาบเชิง</p></td> <td><p>559-002</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.บัวเชด</p></td> <td><p>579-002</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.ชุมพลบุรี</p></td> <td><p>596-040</p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-32601705824464616722009-03-29T17:52:00.003-07:002009-03-30T10:29:48.914-07:00<table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><div align="center"><span class="style23">" พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาน และตระการปราสาทผึ้ง<br /> สวยสุดซึ้งสาวผู้ไทย ถิ่นมั่นในพุทธธรรม "</span></div></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p>สกลนคร นครแห่งการแสวงหา ได้ชื่อว่าเป็นเมืองพุทธศาสน์ พระธาตุ 5 แห่ง แหล่งอารยธรรม 3 พันปี ตามตำนานเล่าว่า เมื่อสมัยพุทธศตวรรษที่ 16 เมืองหนองหานหลวงในอดีต หรือสกลนครในปัจุบันนั้น สร้างขึ้นในยุคที่ขอมมีอำนาจในดินแดนนี้ โดยขุนขอมราชบุตรเจ้าเมืองอินทรปัฐนคร ผู้ซึ่งอพยพครอบครัวและบ่าวไพร่ชาวเขมรมาสร้างเมืองใหม่ที่ริมหนองหานหลวง มีเจ้าปกครองเรื่อยมา จนถึงสมัยพระยาสุวรรณภิงคาระเวลานั้นเกิดฝนแล้ง ข้าวยากหมากแพง เจ้าผู้ครองเมืองจึงต้องพาราษฎรอพยพกลับไปเขมร หนองหานจึงกลายเป็นเมืองร้างอยู่ระยะหนึ่ง ต่อมาเมื่ออิทธิพลขอมเสื่อมลง เมืองหนองหานหลวงตกไปอยู่ในความปกครองของอาณาจักรล้านช้าง เรียกชื่อเมืองว่า "เมืองเชียงใหม่หนองหาน" ซึ่งแสดงว่า เมืองหนองหานมีความสัมพันธ์กับเวียงจันทน์เสมอมา ก่อนที่อิทธิพลกรุงเทพฯ จะเข้าไปถึงสกลนคร เมื่อประมาณ พ.ศ. 2321-2322 </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p>ครั้ง ถึงสมัยรัชกาลที่ 3 ปรากฏเจ้าเมืองชื่อ พระบรมราชา (มั่ง) เจ้าเมืองสกลทวาปี ในขณะนั้นไปเข้าข้างเจ้าอนุวงศ์ ซึ่งเป็นกบฏยกทัพเข้ามากวาดต้อนผู้คนทางภาคอีสาน พระบรมราชา (มั่ง) เข้าข้างเจ้าอนุวงศ์ อพยพครอบครัวไปอยู่ที่เมืองมหาชัยก่องแก้ว เหลือแต่กรรมการเมืองผู้น้อยทิ้งไว้เฝ้าเมือง ต่อมา พ.ศ. 2373 โปรดเกล้าฯ ให้พระสุนทรราชวงศา (ปุต) เจ้าเมืองยโสธร ซึ่งทำความดีความชอบ เมื่อครั้งปราบกบฏ เจ้าอนุวงศ์มารักษาเมืองสกลทวาปี ต่อมาจึงโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระยาประจันตประเทศวาปี และเปลี่ยนชื่อจากเมืองสกลทวาปีเป็นเมืองสกลนคร </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>อาณาเขตและการปกครอง :</strong> </td> </tr> <tr> <td><u>ทิศเหนือ</u> จดจังหวัดหนองคาย และนครพนม<br /> <u>ทิศใต้</u> จดจังหวัดกาฬสินธุ์ อุดรธานี นครพนม<br /> <u>ทิศตะวันออก</u> จดจังหวัดกาฬสินธุ์ และนครพนม<br /> <u>ทิศตะวันตก</u> จดจังหวัดอุดรธานี และหนองคาย</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p>สกลนคร อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย ห่างจากรุงเทพฯ โดยทางรถยนต์ 647 กิโลเมตร และห่างจากแม่น้ำโขงตรงที่ตั้งจังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นเส้นพรมแดนประเทศไทย กับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประมาณ 90 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 9,605.76 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 12 อำเภอ 4 กิ่งอำเภอ คือ อำเภอเมืองสกลนคร อำเภอกุสุมาลย์ อำเภอกุดบาก อำเภอพรรณานิคม อำเภอวาริชภูมิ อำเภอส่องดาว อำเภอสว่างแดนดิน อำเภอวานรนิวาส อำเภออากาศอำนวย อำเภอบ้านม่วง อำเภอพังโคน อำเภอคำตากล้า กิ่งอำเภอนิคมน้ำอูน กิ่งอำเภอเต่างอย กิ่งอำเภอโคกศรีสุพรรณ และกิ่งอำเภอเจริญศิลป์ </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>ระยะทางระหว่างอำเภอเมือง-อำเภอต่างๆ</strong></td> </tr> <tr> <td>- อำเภอกุดบาก 56 กิโลเมตร<br /> - อำเภอกุสุมาลย์ 40 กิโลเมตร<br /> - อำเภอคำตากล้า 119 กิโลเมตร<br /> - อำเภอนิคมน้ำอูน 77 กิโลเมตร<br /> - อำเภอบ้านม่วง 124 กิโลเมตร<br /> - อำเภอพรรณานิคม 41 กิโลเมตร<br /> - อำเภอพังโคน 55 กิโลเมตร<br /> - อำเภอสว่างแดนดิน 82 กิโลเมตร<br /> - อำเภอวาริชภูมิ 71 กิโลเมตร<br /> - อำเภอวานรนิวาส 85 กิโลเมตร<br /> - อำเภอโคกศรีสุพรรณ 24 กิโลเมตร<br /> - อำเภอเต่างอย 28 กิโลเมตร<br /> - อำเภอส่องดาว 101 กิโลเมตร<br /> - อำเภออากาศอำนวย 82 กิโลเมตร<br /> - กิ่งอำเภอเจริญศิลป์ 112 กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>ระยะทางระหว่างจังหวัด</strong></td> </tr> <tr> <td>สกลนคร-นครพนม ระยะทาง 90 กิโลเมตร<br /> สกลนคร-มุกดาหาร ระยะทาง 119 กิโลเมตร<br /> สกลนคร-กาฬสินธุ์ ระยะทาง 128 กิโลเมตร<br /> สกลนคร-อุดรธานี ระยะทาง 159 กิโลเมตร<br /> สกลนคร-ขอนแก่น ระยะทาง 205 กิโลเมตร<br /> สกลนคร-อุบลราชธานี ระยะทาง 286 กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 042)</strong></td> </tr> <tr> <td><table cellpadding="0" cellspacing="0" width="80%"> <tbody><tr> <td><p>ททท.สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ<br /> เขต 4 จ.นครพนม</p></td> <td><p>513-490-1</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>ตำรวจท่องเที่ยว</p></td> <td><p>1155</p></td> </tr> <tr> <td><p>ตำรวจทางหลวง</p></td> <td><p>713-971</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>การบินไทย</p></td> <td><p>712-259-60</p></td> </tr> <tr> <td><p>สกลนครอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จำกัด</p></td> <td><p>711-016</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>หจก. ภูพานการท่องเที่ยว</p></td> <td><p>712-676</p></td> </tr> <tr> <td><p>แกรนด์ทัวร์</p></td> <td><p>711-754</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.สกลนคร</p></td> <td><p>711-722</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.สว่างดินแดน</p></td> <td><p>721-111</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.พังโคน</p></td> <td><p>771-222</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.วานรนิวาส</p></td> <td><p>791-122</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.วาริชภูมิ</p></td> <td><p>781-187</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.กุสุมาลย์</p></td> <td><p>769-023</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.โคกศรีสุพรรณ</p></td> <td><p>713-550</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.คำตากล้า</p></td> <td><p>796-046</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.อากาศอำนวย</p></td> <td><p>799-000</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.กุดบาก</p></td> <td><p>784-021</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.เต่างอย</p></td> <td><p>761-021</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.ส่องดาว</p></td> <td><p>786-026</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.พระอาจารย์ฝั้น</p></td> <td><p>779-105</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.นิคมน้ำอูน</p></td> <td><p>789-015</p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-35070614405406726202009-03-29T17:52:00.001-07:002009-03-30T10:29:48.924-07:00<table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><div class="style31" align="center">" ศรีสะเกษแดนปราสาทขอม หอมกระเทียมดี มีสวนสมเด็จ เขตดงลำดวน<br /> หลากล้วนวัฒนธรรม เลิศล้ำสามัคคี "</div></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>ศรีสะเกษ เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคอีสานตอนล่างที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน เคยเป็นชุมชน ที่มีอารยธรรมรุ่งเรืองมานับพันปี นับตั้งแต่สมัยขอมเรืองอำนาจ และมีชนเผ่าต่างๆ อพยพมาตั้งรกรากในบริเวณนี้ ได้แก่ พวกส่วย ลาว เขมร และเยอ </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p>ศรีสะเกษ เดิมเรียกกันว่า เมืองขุขันธ์ เมืองเก่าตั้งอยู่ที่บริเวณบ้านปราสาทสี่เหลี่ยมดงลำดวน ตำบลดวนใหญ่ อำเภอวังหินในปัจจุบัน ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นเมืองเมื่อ พ.ศ. ๒๓๐๒ สมัยกรุงศรีอยุธยาโดยมีหลวงแก้วสุวรรณซึ่งได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระยาไกร ภักดีเป็นเจ้าเมืองคนแรก ล่วงถึงรัชสมัยรัชการที่ ๕ ได้ย้ายเมืองขุขันธ์มาอยู่ที่บ้านเมืองเก่า ตำบลเมืองเหนือ อำเภอเมืองศรีสะเกษในปัจจุบัน แต่ยังคงใช้ชื่อว่าเมืองขุขันธ์จนถึง พ.ศ. ๒๔๘๑ จึงเปลี่ยนเป็นจังหวัดศรีสะเกษตั้งแต่นั้นมา </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>อาณาเขตและการปกครอง :</strong></td> </tr> <tr> <td><p><u>ทิศเหนือ</u> ติดต่อจังหวัดยโสธร และร้อยเอ็ด<br /> <u>ทิศใต้</u> ติดต่อประเทศกัมพูชาประชาธิปไตย โดยมีเทือกเขาดงรัก เป็นแนวกั้นเขตแดน<br /> <u>ทิศตะวันตก</u> ติดต่อจังหวัดสุรินทร์<br /> <u>ทิศตะวันออก</u> ติดต่อจังหวัดอุบลราชธานี<br /> </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>ศรีสะเกษ อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ๔๗๑ กิโลเมตร มีพื้นที่ ๘,๘๓๙.๙ ตารางกิโลเมตร ทิศตะวันออก ติดต่อจังหวัดอุบลราชธานี แบ่งการปกครองออกเป็น ๑๖ อำเภอ กับ ๓ กิ่งอำเภอ คือ อำเภอเมืองศรีสะเกษ อำเภอกันทรารมย์ อำเภอกันทรลักษณ์ อำเภอขุขันธิ์ อำเภอราษีไศล อำเภออุทุมพรพิสัย อำเภอขุนหาญ อำเภอปรางกู่ อำเภอไพรบึง อำเภอยางชุมน้อย อำเภอห้วยทับทัน อำเภอโนนคูณ อำเภอศรีรัตนะ อำเภอวังหิน อำเภอบึงบูรพ์ อำเภอน้ำเกลี้ยง อำเภอภูสิงห์ กิ่งอำเภอเมืองจันทร์ และกิ่งอำเภอเบญจลักษณ์</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอและกิ่งอำเภอต่าง ๆ</strong></td> </tr> <tr> <td>อำเภอกันทรารมย์ ๒๖ กิโลเมตร<br /> อำเภอกันทรลักษ์ ๖๓ กิโลเมตร<br /> อำเภอขุนหาญ ๖๐ กิโลเมตร<br /> อำเภอขุขันธ์ ๔๙ กิโลเมตร<br /> อำเภอน้ำเกลี้ยง ๔๔ กิโลเมตร<br /> อำเภอโนนคูณ ๕๖ กิโลเมตร<br /> อำเภอบึงบูรพ์ ๔๒ กิโลเมตร<br /> อำเภอเบญจลักษ์ ๘๐ กิโลเมตร<br /> อำเภอปรางค์กู่ ๖๐ กิโลเมตร<br /> อำเภอพยุห์ ๒๑ กิโลเมตร<br /> อำเภอไพรบึง ๔๒ กิโลเมตร<br /> อำเภอภูสิงห์ ๒๘ กิโลเมตร<br /> อำเภอเมืองจันทร์ ๔๐ กิโลเมตร<br /> อำเภอยางชุมน้อย ๓๒ กิโลเมตร<br /> อำเภอราษีไศล ๓๘ กิโลเมตร<br /> อำเภอวังหิน ๓๕ กิโลเมตร<br /> อำเภอศรีรัตนะ ๓๗ กิโลเมตร<br /> อำเภอห้วยทับทัน ๓๗ กิโลเมตร<br /> อำเภออุทุมพรพิสัย ๒๔ กิโลเมตร<br /> กิ่งอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ ๒๙ กิโลเมตร<br /> กิ่งอำเภอศิลาลาด ๕๐ กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 045)</strong></td> </tr> <tr> <td><table cellpadding="0" cellspacing="0" width="75%"> <tbody><tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>ททท.สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ<br /> เขต 2 จ.อุบลราชธานี</p></td> <td><p>243-770-1</p></td> </tr> <tr> <td><p>สำนักงานจังหวัด</p></td> <td><p>611-531 , 612-581</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>ประชาสัมพันธ์จังหวัด</p></td> <td><p>612-545</p></td> </tr> <tr> <td><p>เทศบาลเมือง</p></td> <td><p>612-620</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>ที่ว่าการอำเภอเมือง</p></td> <td><p>612-866</p></td> </tr> <tr> <td><p>ตำรวจท่องเที่ยว</p></td> <td><p>1155</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>ตู้ยามอุทุมพรพิสัย</p></td> <td><p>691-042</p></td> </tr> <tr> <td><p>สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง</p></td> <td><p>611-595</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>สถานีขนส่งจังหวัด</p></td> <td><p>611-515</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.ศรีสะเกษ</p></td> <td><p>611-503 , 611-434</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.กันทรลักษณ์</p></td> <td><p>661-663</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.ราษีไศล</p></td> <td><p>681-107</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.กันทรารมย์</p></td> <td><p>651-144</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.ขุขันธ์</p></td> <td><p>671-015</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.ไพรบึง</p></td> <td><p>675-067</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.ปรางค์กู่</p></td> <td><p>697-050</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.ขุนหาญ</p></td> <td><p>679-026</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.อุทุมพรพิสัย</p></td> <td><p>691-516</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.บึงบูรพ์</p></td> <td><p>689-043</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.ห้วยทับทัน</p></td> <td><p>699-045</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.โนนคูณ</p></td> <td><p>659-044</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.ศรีรัตนะ</p></td> <td><p>677-014</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.ยางชุมน้อย</p></td> <td><p>687-041</p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-56930053359233790782009-03-29T17:51:00.005-07:002009-03-30T10:29:48.929-07:00<table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><span class="style26">จังหวัดเลย :: สถานที่ท่องเที่ยว อำเภอเมือง </span></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p><strong>ศาลเจ้าพ่อกุดป่อง</strong><br />ตั้งอยู่ห่างจากหอนาฬิกาประมาณ 50 เมตร อยู่ติดกับศาลหลักเมือง เป็นศาลเก่าแก่ และมีประชาชนเคารพนับถือมากแห่งหนึ่ง </p><p><strong>สวนสาธารณะกุดป่อง</strong><br />ตั้งอยู่ด้านหลังศาลเจ้าพ่อกุดป่อง มีคูน้ำล้อมรอบ ภายในสวนสาธารณะตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับต่าง ๆ อย่างสวยงาม ดูร่มรื่นและเป็นระเบียบ ประชาชนใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกาย </p><p><strong>สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติฯ ป่าเลิงใหญ่</strong><br />เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ มีการจัดสวนไม้ดอกไม้ประดับ เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ โดยพื้นที่รอบสวนสาธารณะเป็นแม่น้ำเลย ตั้งอยู่ตรงข้ามด้านหน้าเทศบาลเมืองเลย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินผ่านสะพานแขวนเข้าไปเที่ยวชมได้อย่างสะดวกสบาย </p></td></tr></tbody></table><br /><span class="style26"><br />จังหวัดเลย :: ข้อมูลทั่วไป</span></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>เลย</strong> เป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ค่อนไปทางภาคเหนือ สถานที่ตั้งตัวเมืองอยู่ท่ามกลางภูเขาน้อยใหญ่ ดินฟ้าอากาศคล้ายกับภาคเหนือ คือมีอากาศหนาวเย็นมีหมอกปกคลุมอยู่เสมอ เป็นจังหวัดเดียวในประเทศ ที่อากาศเคยหนาวจัดจนอุณหภูมิลดลง ถึงศูนย์องศาเซลเซียส </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><span class="style25">อาณาเขตและการปกครอง</span></td> </tr> <tr> <td><u>ทิศเหนือ</u> จดประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว<br /> <u>ทิศใต้</u> จดจังหวัดขอนแก่น<br /> <u>ทิศตะวันออก</u> จดจังหวัดหนองคาย และหนองบัวลำภู<br /> <u>ทิศตะวันตก</u> จดจังหวัดพิษณุโลก</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p><strong>จังหวัดเลย</strong> อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 520 กิโลเมตร มีพื้นที่ 11,426.612 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 12 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ คือ อำเภอเมืองเลย อำเภอวังสะพุง อำเภอปากชม อำเภอเชียงคาน อำเภอท่าลี่ อำเภอภูเรือ อำเภอด่านซ้าย อำเภอภูกระดึง อำเภอนาแห้ว อำเภอนาด้วง อำเภอภูหลวง อำเภอผาขาว และกิ่งอำเภอเอราวัณ </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><span class="style25">หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 042)</span></td> </tr> <tr> <td><table border="0" width="75%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ที่ว่าการอำเภอเมือง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>811-213</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>สำนักงานจังหวัดเลย</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>811-746, 833-209</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองเลย</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>811-254</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตำรวจท่องเที่ยว</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>1155</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ตู้ยามวังสะพุง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>841-262</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>สำนักงานการท่องเที่ยวภูหลวง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>841-566</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>ททท.สำนักงาน เขต 5 จ.อุดรธานี</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>325-406-7</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>เทศบาลเมือง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>811-140</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.เลย</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>811-820 , 811-541</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ภูเรือ</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>899-094</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.วังสะพุง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>841-101</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ปากชม</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>881-188</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.นาแห้ว</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>897-094</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ท่าลี่</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>889-035</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.นาด้วง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>887-094</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ภูกระดึง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>871-017 , 871-025</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ภูหลวง</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>879-064</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.เชียงคาน</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>821-101</p></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff"><p>รพ.ด่านซ้าย</p></td> <td bgcolor="#ffffff"><p>891-276</p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-52310205748100916162009-03-29T17:51:00.003-07:002009-03-30T10:29:48.936-07:00<table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><div align="center"><span class="style21">" ร้อยเอ็ดเพชรอีสาน พลาญชัยบึงงาม เรืองนามพระสูงใหญ่ ผ้าไหมชั้นดี สตรีโสภา<br /> ทุ่งกุลาสดใส งานใหญ่บุญผะเหวด "</span></div></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>ร้อยเอ็ด เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่กึ่งกลางของภาคอีสานมานานกว่า 200 ปี อดีตเคยเป็นเมืองใหญ่ที่รุ่งเรืองมาก ชื่อว่า สาเกตุนคร มีประตูเข้าเมือง 11 ประตู เมืองขึ้น 11 เมือง แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนาในด้านต่างๆ มากมาย เมืองร้อยเอ็ดเป็นเมืองแห่งบึงพลาญชัย และมีส่วนหนึ่งของทุ่งกุลาร้องไห้ที่มีชื่อเสียง ซึ่งมีเนื้อที่กว้างใหญ่ถึงสองล้านไร่เศษ ขณะนี้กำลังได้รับการพัฒนา เพื่อให้เป็นแผ่นดินแห่งความอุดมสมบูรณ์ จนแทบจะหาร่องรอยแห่งอดีตไม่พบ</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p>ประวัติ ศาสตร์ของเมืองร้อยเอ็ดเริ่มปรากฏขึ้นในราวสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย โดยมีเจ้าลาวจากนครจัมปาศักดิ์ได้เดินทางมาตั้งบ้านเรือนในบริเวณที่เป็น อำเภอสุวรรณภูมิในปัจจุบัน ต่อมาได้มาพึ่งพระบรมโพธิสมภารสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 แห่งกรุงศรีอยุธยา ในสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้ย้ายเมืองใหม่มาตั้งที่บริเวณเมืองร้อยเอ็ดปัจจุบัน ส่วนเมืองสุวรรณภูมิเดิม ก็ยังคงมีอยู่ ในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์คิดกบฎต่อกรุงเทพฯ ได้ยกทัพเข้ามาตีหัวเมืองรายทางจนถึงนครราชสีมา แต่ก็ถูกทัพไทยตีแตกพ่ายไปในที่สุด </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>นอก จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์แล้ว ยังพบหลักฐานทางโบราณคดี แสดงการอยู่อาศัยของคน มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์เช่นกัน และรวมทั้งเคยเป็นดินแดน ที่อยู่ในเขตอิทธิพล ของอาณาจักรขอมโบราณ เพราะพบโบราณสถานแบบขอมหลายแห่ง เช่น กู่พระโกนา อำเภอสุวรรณภูมิ กู่กาสิงห์ อำเภอเกษตรวิสัย ปรางค์กู่ อำเภอธวัชบุรี เป็นต้น </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>ลักษณะ ภูมิประเทศ เป็นที่ราบสูง มีทุ่งกว้าง ดินปนทราย ส่วนมากเป็นดินเค็ม ดังนั้นจังหวัดร้อยเอ็ด จึงมีบ่อเกลือสินเธาว์มากแห่งหนึ่งในภาคอีสาน แหล่งน้ำสำคัญคือ ลำน้ำชี ลำน้ำมูล ลำน้ำยัง ลำน้ำเตา ลำน้ำพลับเพลา และลำน้ำ เสียว </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>อาณาเขต :</strong> </td> </tr> <tr> <td><u>ทิศเหนือ</u> จดอำเภอกมลาไสย อำเภอกุฉินารายณ์ อำเภอร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์ และอำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร<br /> <u>ทิศใต้</u> จดอำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ และอำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ<br /> <u>ทิศตะวันออก</u> จดอำเภอเมือง อำเภอเลิงนกทา อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร<br /> <u>ทิศตะวันตก</u> จดอำเภอเมือง อำเภอวาปีปทุม และอำเภอพยัคฆภูมิ จังหวัดมหาสารคาม </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p>ร้อยเอ็ด มีเนื้อที่ 8,299.4 ตารางกิโลเมตร และแบ่งการปกครองออกเป็น 17 อำเภอ และ 2 กิ่งอำเภอ คือ อำเภอเมืองร้อยเอ็ด อำเภอเกษตรวิสัย อำเภอปทุมรัตน์ อำเภอจตุรพักตร์พิมาน อำเภอธวัชบุรี อำเภอพนมไพร อำเภอโพนทอง อำเภอเสลภูมิ อำเภอสุวรรณภูมิ อำเภออาจสามารถ อำเภอหนองพอก อำเภอเมืองสรวง อำเภอโพธิ์ชัย อำเภอโพนทราย อำเภอเมยวดี อำเภอศรีสมเด็จ อำเภอจังหาร กิ่งอำเภอเชียงขวัญ และกิ่งอำเภอหนองฮี </p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>ระยะทางจากอำเภอเมืองร้อยเอ็ดไปยังอำเภอและกิ่งอำเภอต่างๆ ในเขตจังหวัด</strong></td> </tr> <tr> <td>อำเภอเมือง-อำเภอจังหาร 10 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอธวัชบุรี 12 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอศรีสมเด็จ 25 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอจตุรพักตร์พิมาน 26 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอเมืองสรวง 26 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอเสลภูมิ 34 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภออาจสามารถ 34 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอโพนทอง 47 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอเกษตรวิสัย 47 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอสุวรรณภูมิ 52 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอโพธิ์ชัย 58 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอพนมไพร 64 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอหนองพอก 73 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอเมยวดี 73 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอโพนทราย 79 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอปทุมรัตน์ 85 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-กิ่งอำเภอเชียงขวัญ 18 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-กิ่งอำเภอหนองฮี 76 กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td colspan="2"><strong>หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 043)</strong></td> </tr> </tbody> </table></td> </tr> <tr> <td><table cellpadding="0" cellspacing="0" width="80%"> <tbody><tr> <td><p>สำนักงานจังหวัดร้อยเอ็ด</p></td> <td><p>511-353</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>ททท. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 3 จ.ขอนแก่น</p></td> <td><p>244-498-9</p></td> </tr> <tr> <td><p>ตำรวจท่องเที่ยว</p></td> <td><p>1155</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>ตำรวจทางหลวง ส.ทล.กก.6 จ.ร้อยเอ็ด</p></td> <td><p>569-091</p></td> </tr> <tr> <td><p>สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง</p></td> <td><p>511-766</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>สถานีขนส่ง</p></td> <td><p>511-466</p></td> </tr> <tr> <td><p>ไปรษณีย์จังหวัด</p></td> <td><p>511-306</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.ร้อยเอ็ด</p></td> <td><p>511-754 , 511-205</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.พนมไพร</p></td> <td><p>591-321</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.อาจสามารถ</p></td> <td><p>599-073-4</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.สุวรรณภูมิ</p></td> <td><p>581-323</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.เสลภูมิ</p></td> <td><p>551-322</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.เกษตรวิสัย</p></td> <td><p>589-073-4</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.โพนทอง</p></td> <td><p>571-321</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.จตุรพักตร์พิมาน</p></td> <td><p>561-073-4</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.ธวัชบุรี</p></td> <td><p>514-294</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.โพนทราย</p></td> <td><p>595-073-4</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.ปทุมรัตน์</p></td> <td><p>587-073-4</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.หนองพอก</p></td> <td><p>579-073-4</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.เมยวดี</p></td> <td><p>577-073-4</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.เมืองสรวง</p></td> <td><p>597-074-5</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.โพธิ์ชัย</p></td> <td><p>567-073-4</p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-868374038938046724.post-73870281393730390712009-03-29T17:51:00.001-07:002009-03-30T10:29:48.941-07:00<table align="center" border="0" width="97%"><tbody><tr><td><div class="style32" align="center"><strong>" เมืองประชาธิปไตย บั้งไฟโก้ แตงโมหวาน หมอนขวานผ้าขิต แหล่งผลิตข้าวหอมมะลิ "</strong></div></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td>จังหวัด ยโสธรมีเนื้อที่ 4,161 ตารางกิโลเมตร เป็นจังหวัดที่มีขนาดเล็กที่สุดในเขตอีสานตอนล่าง เป็นที่ราบสูงมีดินปนทราย ทางทิศเหนือมีภูเขาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูพาน พืชสำคัญๆ ที่ปลูก เช่น ข้าว ปอ มันสำปะหลัง สามารถทำได้เฉพาะฤดูฝนเท่านั้น ในฤดูแล้งมีความแห้งแล้งมาก อากาศร้อนจัด ในฤดูหนาวอากาศหนาวจัด สามารเพาะปลูกพืชผักสวนครัวได้ดี สภาพของป่าเหลือน้อย มีลักษณะเป็นป่าโปร่ง ทางทิศตะวันตกและทิศตะวันออกเป็นที่ราบเหมาะสำหรับเป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ ทางทิศใต้เป็นที่ราบลุ่ม เหมาะแก่การทำนา มีแม่น้ำชีไหลผ่าน เป็นระยะทางประมาณ 110 กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><p>จาก พงศาวดารเมืองยโสธรได้บันทึกไว้ว่า เมื่อราวๆ ปี พ.ศ. 2340 พระเจ้าวรวงศา (พระวอ) เสนาบดีเก่าเมืองเวียงจันทน์ กับสมัครพรรคพวกเดินทางอพยพจะไปอาศัยอยู่กับเจ้านครจำปาศักดิ์ เมื่อเดินทางถึงดงผีสิงห์เห็นเป็นทำเลดี จึงได้ตั้งหลักฐานและสร้างเมืองที่นี่เรียกว่า "บ้านสิงห์ท่า" หรือ "เมืองสิงห์ท่า" ต่อมาใน พ.ศ. 2357 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะบ้านสิงห์ท่าแห่งนี้ขึ้นเป็น "เมืองยโสธร" ขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ มีเจ้าเมืองดำรงบรรดาศักดิ์ เป็นพระสุนทรราชวงศา </p><p>ในปี พ.ศ. 2515 ได้ยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดยโสธร โดยประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 70 ลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2515 ได้แยกอำเภอยโสธร อำเภอคำเขื่อนแก้ว อำเภอมหาชนะชัย อำเภอป่าติ้ว อำเภอเลิงนกทา และอำเภอกุดชุม ออกจากจังหวัดอุบลราชธานี และรวมกันเป็นจังหวัดยโสธร ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2515</p></td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>อาณาเขตติดต่อและการปกครอง :</strong></td> </tr> <tr> <td><p><u>ทิศเหนือ</u> ติดต่อกับจังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดนครพนม<br /> <u>ทิศใต้ </u>ติดต่อกับจังหวัดศรีสะเกษ<br /> <u>ทิศตะวันออก</u> ติดต่อกับจังหวัดอุบลราชธานี<br /> <u>ทิศตะวันตก</u> ติดต่อกับจังหวัดร้อยเอ็ด<br /> <br />ปัจจุบันจังหวัดยโสธรแบ่งการปกครองออกเป็น 8 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอคำเขื่อนแก้ว อำเภอมหาชนะชัย อำเภอป่าติ้ว อำเภอเลิงนกทา อำเภอกุดชุม อำเภอค้อวัง และอำเภอทรายมูล </p> </td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>ระยะทางระหว่างอำเภอเมืองไปอำเภอต่างๆ</strong></td> </tr> <tr> <td>อำเภอเมือง-อำเภอคำเขื่อนแก้ว 23 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอมหาชนะชัย 41 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอค้อวัง 70 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอป่าคิ้ว 28 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอเลิงนกทา 69 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอกุดชุม 37 กิโลเมตร<br /> อำเภอเมือง-อำเภอทรายมูล 18 กิโลเมตร</td> </tr> <tr> <td> </td> </tr> <tr> <td><strong>หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 045)</strong></td> </tr> <tr> <td><table cellpadding="0" cellspacing="0" width="80%"> <tbody><tr> <td><p>สำนักงานจังหวัดยโสธร</p></td> <td><p>712-722</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>ททท.สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ<br /> เขต 2 จ.อุบลราชธานี</p></td> <td><p>243-770-1</p></td> </tr> <tr> <td><p>ตำรวจท่องเที่ยว</p></td> <td><p>1155</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>ตำรวจทางหลวง</p></td> <td><p>489-136</p></td> </tr> <tr> <td><p>สถานีตำรวจภูธร อ.เมือง</p></td> <td><p>711-572</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>ไปรษณีย์จังหวัด</p></td> <td><p>711-761</p></td> </tr> <tr> <td><p>สถานีขนส่งจังหวัด</p></td> <td><p>712-965</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.ยโสธร</p></td> <td><p>711-061 , 712-581</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.ป่าติ้ว</p></td> <td><p>712-044</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.ทรายมูล</p></td> <td><p>787-046</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.กุดชุม</p></td> <td><p>789-090</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.มหาชนะชัย</p></td> <td><p>799-049</p></td> </tr> <tr> <td><p>รพ.คำเขื่อนแก้ว</p></td> <td><p>791-133</p></td> </tr> <tr bgcolor="#fffff0"> <td><p>รพ.ค้อวัง</p></td> <td><p>797-058</p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>Gujo-http://www.blogger.com/profile/11033956401995688328noreply@blogger.com0