วัดนครโกษา วัดสันเปาโล วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมื่อเข้าไปในบริเวณวัด จะพบศาลาเปลื้องเครื่องเป็นอันดับแรก ศาลากลางเปลื้องเครื่องนี้ ใช้เป็นที่สำหรับพระเจ้าแผ่นดินเปลื้องเครื่องทรง ก่อนที่จะเข้าพิธีทางศาสนาในพระวิหารหรือพระอุโบสถ ศาสนาเปลื้องเครื่องตั้งอยู่หน้าวิหาร คงเหลือเพียงเสาเอนเอียงอยู่เท่านั้น ส่วนอื่นปรักหักพังไปหมดแล้ว ถัดจากศาลาเปลื้องเรื่องเป็นวิหารหลวง ซึ่งสร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ เป็นวิหารขนาดใหญ่มาก ประตูทำเป็นเหลี่ยมแบบไทย หน้าต่างเจาะช่องแบบโกธิคของฝรั่งเศส ภายในสร้างฐานชุกชี ประดิษฐานพระพุทธรูปทางทิศใต้ของวิหารหลวง เป็นพระอุโบสถขนาดย่อม ประตูหน้าต่างเป็นแบบฝรั่งเศสทั้งหมด ห่างไปทางทิศตะวันตกของวิหารหลวง เป็นพระปรางค์องค์ใหญ่ที่สูงที่สุดในลพบุรี สร้างเป็นพุทธเจดีย์ องค์ปรางค์ก่อด้วยศิลาแลงโบกปูน มีเครื่องประดับลวดลายเป็นพระพุทธรูปและพุทธประวัติ เดิมคงจะสร้างในสมัยขอมเรืองอำนาจ แต่ได้รับการซ่อมแซมในสมัยสมเด็จพระราเมศวร สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ และสมเด็จพระนารายณ์ฯ ลวดลายจึงมีปะปนกันหลายสมัย ปรางค์องค์นี้เดิมบรรจุพระพุทธรูปไว้เป็นจำนวนมาก ที่ขึ้นชื่อคือ พระเครื่องสมัยลพบุรี เช่น พระหูยาน พระร่วง ซึ่งมีการขุดพบเป็นจำนวนมาก วัดเสาธงทอง วัดนี้มีโบราณสถานที่ควรชม คือ พระวิหารซึ่งแต่เดิมคงสร้างขึ้นเพื่อเป็นศาสนสถานของศาสนาอื่น เพราะจากแผนที่ของช่างชาวฝรั่งเศสทำไว้ ระบุว่าพื้นที่บริเวณนั้นเป็นที่พำนักของชาวเปอร์เซีย พระวิหารหลังนี้อาจเป็นที่ประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม ของชาวเปอร์เซียก็เป็นได้ นอกจากนั้นก็มีตึกปิจู ตึกคชสาร หรือตึกโคระส่าน เป็นตึกเก่าสันนิษฐานว่า ใช้เป็นที่พำนักของแขกเมือง และราชทูตต่างประเทศชาวเปอร์เซีย บ้านหลวงรับราชทูต หรือ บ้านหลวงวิชาเยนทร์ พื้นที่ในบริเวณบ้านหลวงรับ ราชทูตแบ่งออกเป็น 3 ส่วน สังเกตได้จากประตูเข้าด้านหน้า ซึ่งสร้างไว้สำหรับเป็นทางเข้าออกแต่ละส่วน คือ ส่วนทิศตะวันตก ส่วนกลาง และส่วนทางทิศตะวันออก ส่วนทิศตะวันตก เป็นกลุ่มอาคาร ได้แก่ ตึก 2 ชั้นหลังใหญ่ก่อด้วยอิฐ และอาคารชั้นเดียว แคบยาว ซุ้มประตูทางเข้าเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลม ส่วนกลาง มีอาคารที่สำคัญ คือ ฐานของสิ่งก่อสร้างซึ่งเข้าใจว่าเป็นหอระฆังและโบสถ์คริสตศาสนา ซึ่งอยู่ทางด้านหลังซุ้มประตูทางเข้าเป็นรูปจั่ว ส่วนทิศตะวันออก ได้แก่ กลุ่มอาคารใหญ่ 2 ชั้น มีบันไดขึ้นทางด้านหน้าเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลม ซุ้มประตูทางเข้ามีลักษณะเช่นเดียวกับทางทิศตะวันตก ลักษณะของสถาปัตยกรรมในบ้าน หลวงรับราชทูตบางหลัง เป็นแบบยุโรปอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอาคารใหญ่ทางทิศตะวันออก ก่ออิฐถือปูนสูง 2 ชั้น หน้าต่างและซุ้มประตูแสดงให้เห็นลักษณะศิลปะตะวันตกแบบเรอเนสซองส์ ซึ่งเจริญแพร่หลายในระยะเวลาเดียวกัน และที่สำคัญอีก คือ อาคารที่เป็นโบสถ์คริสตศาสนา ผังและแบบของโบสถ์เป็นแบบยุโรป มีซุ้มประตูหน้าต่างเป็นซุ้มเรือนแก้ว มีเสาปลายเป็นรูปกลีบบัวยาว ซึ่งเป็นศิลปะแห่งไทย โบสถ์เหล่านี้ถือกันว่า เป็นโบสถ์คริสตศาสนาหลังแรกในโลก ที่ตกแต่งด้วยลักษณะของโบสถ์ทางพระพุทธศาสนา พระนารายณ์ราชนิเวศน์ พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท ตึกรับรองคณะทูตต่างประเทศ พระคลังศุภรัตน์ (หมู่ตึกสิบสองท้องพระคลัง) อ่างซับเหล็ก หรืออ่างซับเหล็กหรือถังเก็บน้ำ อ่าง ซับเหล็กเป็นอ่างเก็บน้ำธรรมชาติที่มีมาแต่โบราณ ในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงโปรดให้ช่างชาวฝรั่งเศสและชาวอิตาเลียนเป็นผู้วางท่อส่งน้ำจากอ่างซับ เหล็กนำมาใช้ในเขตพระราชฐาน อ่างซับเหล็กมีเนื้อที่ประมาณ 1,760 ไร่ เมื่อปี พ.ศ. 2497 สมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี ได้ให้สร้างเขื่อนดินกั้นน้ำเพื่อเก็บน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตร ต่อมาในปี พ.ศ. 2520 จังหวัดลพบุรีได้ปรับปรุงอ่างซับเหล็กให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยทำถนนรอบอ่างเก็บน้ำ ปลูกต้นไม้และสร้างศาลาพักร้อน โรงช้างหลวง หมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฎ หมู่ตึกพระประเทียบ ทิมดาบหรือที่พักของทหารรักษาการณ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์ ห้องพระที่นั่งจันทรพิศาล ห้องหมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฎ ห้องภาคกลางประเทศไทย ห้องอิทธิพลศิลปะเขมร - ลพบุรี ห้องประวัติศาสตร์ศิลปะในประเทศไทย ห้องประวัติศาสตร์ศิลปกรรมสมัยอยุธยา - รัตนโกสินทร์ ห้องศิลปะร่วมสมัย ห้องประวัติศาสตร์ ห้องหมู่ตึกพระประเทียบ นอกจากนี้ทางพิพิธภัณฑ์ฯ ยังมีการจัดนิทรรศการเกี่ยงกับประวัติศาสตร์ โบราณคดี และศิลปวัฒนธรรมให้ชมกันเป็นครั้งคราว การ เข้าชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์ฯ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.30 - 16.30 น. หยุดวันจันทร์ - วันอังคารและวันหยุดนักขัตฤกษ์ การเข้าชมผู้เข้าชมจะต้องเสียค่าเข้าชม ชาวไทยคนละ 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท สำหรับนักเรียน นักศึกษาและพระภิกษุ สามเณรไม่ต้องเสียค่าเข้าชม ติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ ถนนสรศักดิ์ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี 15000 โทร. (036) 411458 หมู่บ้านดินสอพอง (ทำดินสอพอง) วัดยาง ณ รังสี และพิพิธภัณฑ์เรือพื้นบ้าน พิพิธภัณฑ์เรือพื้นบ้าน วัดตองปุ วัดสิริจันทรนิมิตรวรวิหาร (วัดเขาพระงาม) บริเวณวัดมีกิจกรรมที่กำลัง เป็นที่สนใจของคนทั่วไปคือ การขายพลอยสีต่าง ๆ ที่เจียรไนจากหินควอท์ซึ่งขุดได้จากบริเวณเขาพระงาม เรียกว่า “เพชรพระงาม” ราคาพอสมควรที่นักท่องเที่ยวทุกระดับจะซื้อเป็นของที่ระลึกได้ ปัจจุบันมีแผงขายเพชรพระงามตั้งอยู่บริเวณลานหน้าวัด วัดเวฬุวัน (วัดเขาจีนแล) เดิมบริเวณที่ตั้งวัดนี้เป็น ป่าทึบเต็มไปด้วยต้นไผ่ พระครูอุบาลี ธรรมมาจารย์ (หลวงพ่อลี) ได้ธุดงค์มาถึงที่นี่เห็นภูมิประเทศเหมาะสมจึงได้ตั้งสำนักสงฆ์ขึ้น วัดเขาจีนแลเป็นวัดที่สร้าง ขึ้นใหม่ สถานที่ร่มรื่น มีภูเขาล้อมรอบสี่ด้าน เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ 2 องค์ คือ พระพุทธรูปใหญ่ที่หลวงพ่อลีสร้าง และพระพุทธรูปที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ทรงสร้างประดิษฐานอยู่บนยอดเขา มีโบสถ์รูปทรงแปลก จั่วเป็นซุ้มกุทุแบบอินเดีย รวมถึงหอสมุดและสำนักชี บ้านท่ากระยาง (หล่อรูปโลหะและดินสอพอง) ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดลพบุรี จังหวัดลพบุรี :: ข้อมูลทั่วไป | ||||||||||||||||||||||||||||||
ลพบุรี เป็นเมืองสำคัญเก่าแก่เมืองหนึ่งตั้งแต่สมัยทวาราวดี (พุทธศตวรรษที่ 11-16) เคยอยู่ใต้อำนาจมอญและขอม จนกระทั่งในตอนต้นของพุทธศตวรรษที่ 19 คนไทยจึงเริ่มมีอำนาจขึ้นในดินแดนแถบนี้ ในรัชสมัยของพระเจ้าอู่ทอง ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ลพบุรีมีฐานะเป็นเมืองลูกหลวง กล่าวคือ พระเจ้าอู่ทองได้โปรดให้พระราเมศวร ราชโอรสองค์ใหญ่เสด็จมาครองเมืองลพบุรี เมื่อ พ.ศ. 1893 พระราเมศวรโปรดให้สร้างป้อม ขุดคู และสร้างกำแพงเมืองอย่างมั่นคง เมื่อพระเจ้าอู่ทองสวรรคตใน พ.ศ. 1912 พระราเมศวรต้องถวายราชบัลลังก์ ให้แก่พระปิตุลาของพระองค์ ซึ่งได้ขึ้นครองราชย์พระนามว่า พระบรมราชาธิราชที่ 1 ส่วนพระราเมศวรครองเมืองลพบุรีสืบต่อไป จนถึง พ.ศ. 1931 สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 สวรรคต พระราเมศวรจึงเสด็จขึ้นครองราชย์ ณ กรุงศรีอยุธยาเป็นครั้งที่สอง | ||||||||||||||||||||||||||||||
หลัง จากนั้นมาเมืองลพบุรีได้ลดความสำคัญลงไป จนกระทั่งมาถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. 2199-2231) ลพบุรีได้รับการทำนุบำรุงครั้งใหญ่ สืบเนื่องมาจากการคุกคามของชนชาติฮอลันดา ที่ติดต่อค้าขายกับไทย ทำให้สมเด็จพระนารายณ์ทรงเห็นว่า กรุงศรีอยุธยานั้นไม่สู้ปลอดภัย จากการปิดล้อมระดมยิงของข้าศึก หากเกิดสงคราม จึงได้สร้างเมืองลพบุรีเป็นราชธานีที่สองขึ้น เพราะลพบุรีมีลักษณะทางยุทธศาสตร์เหมาะสม ในการสร้างลพบุรีขึ้นใหม่ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงได้รับความช่วยเหลือ จากช่างชาวฝรั่งเศส และอิตาเลียน และได้สร้างพระราชวัง และป้อมปราการเป็นแนวป้องกันอย่างแข็งแรง สมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้ประทับอยู่ที่ลพบุรีเป็นส่วนใหญ่ และโปรดให้ทูต และชาวต่างประเทศ เข้าเฝ้าพระองค์ที่เมืองนี้หลายครั้ง | ||||||||||||||||||||||||||||||
สิ้น รัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ฯ แล้ว ลพบุรีก็หมดความสำคัญลง สมเด็จพระเพทราชาได้ทรง ย้ายหน่วยราชการทั้งหมดกลับกรุงศรีอายุธยา ในรัชกาลต่อๆ มา ก็ไม่ได้เสด็จมาประทับที่เมืองนี้อีก จนกระทั่งถึงรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ใน พ.ศ. 2406 โปรดฯ ให้บูรณะเมืองลพบุรี ซ่อมกำแพง ป้อม และประตูพระราชวังที่ชำรุดทรุดโทรม และสร้างพระที่นั่งพิมานมงกุฎขึ้นในพระราชวังเป็นที่ประทับ และพระราชทานนามว่า “พระนารายณ์ราชนิเวศน์” ลพบุรีจึงแปรสภาพเป็นเมืองสำคัญอีกวาระหนึ่ง | ||||||||||||||||||||||||||||||
ภาย หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ลพบุรีได้รับการทำนุบำรุงอีกครั้งหนึ่งในสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งได้สร้างเมืองลพบุรีใหม่ อันเป็นเมืองทหารอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของทางรถไฟ มีอาณาเขตกว้างขวาง ส่วนเมืองเก่านั้น อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของทางรถไฟ เมืองลพบุรีจึงเป็นศูนย์กลางสำคัญทางยุทธศาสตร์เมืองหนึ่ง ในปัจจุบันนี้ | ||||||||||||||||||||||||||||||
อาณาเขตและการปกครอง | ||||||||||||||||||||||||||||||
ลพบุรี อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 153 กม. มีเนื้อที่ทั้งหมด 6,199.753 ตารางกิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อจังหวัดต่างๆ ดังนี้ ทิศเหนือ จดจังหวัดเพชรบูรณ์ และนครสวรรค์ จังหวัดลพบุรี แบ่งการปกครองออกเป็น 11 อำเภอ คือ อำเภอเมืองลพบุรี อำเภอโคกสำโรง อำเภอบ้านหมี่ อำเภอชัยบาดาล อำเภอท่าวุ้ง อำเภอพัฒนานิคม อำเภอท่าหลวง อำเภอสระโบสถ์ อำเภอโคกเจริญ กิ่งอำเภอลำสนธิ และกิ่งอำเภอหนองม่วง | ||||||||||||||||||||||||||||||
หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 036) | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2552
" คนสวยโพธาราม คนงามบ้านโป่ง เมืองโอ่งมังกร วัดขนอนหนังใหญ่ ตื่นใจถ้ำงาม ตลาดน้ำดำเนิน เพลินค้างคาวร้อยล้าน ย่านยี่สกปลาดี " | ||||||||||||||||||||||||||||||||||
ราชบุรี เป็นเมืองเก่ามาแต่โบราณ ไม่มีเรื่องราวที่เป็นหลักฐานแน่นอนว่าสร้างมาในสมัยใด แต่หลักฐานทางโบราณวัตถุและโบราณสถานที่มีอยู่ พอจะเชื่อถือได้ว่า ราชบุรีเป็นเมืองๆ หนึ่งในแคว้นสุวรรณภูมิ มีนครปฐมเป็นมหานครซึ่งเรียกว่า “ทวารวดี” จากตำนานทางพุทธศาสนา เมื่อปี พ.ศ. 218 พระเจ้าอโศกมหาราชแห่งประเทศอินเดียได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และได้เผยแพร่พุทธศาสนา สู่แคว้นสุวรรณภูมิโดยสมณทูต มีพระโสณะและพระอุตระเป็นหัวหน้าคณะ โดยใช้นครปฐม หรือทวารวดี เป็นเมืองหลักในการเผยแพร่พุทธศาสนา ตามการสันนิษฐานราชบุรี ซึ่งอยู่ในแคว้นสุวรรณภูมิ ก็คงจะเป็นหัวเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมากแห่งหนึ่ง ตัวเมืองราชบุรีได้มีการย้ายที่ตั้งเมืองมาหลายสมัย จนกระทั่งครั้งที่ 4 ในปี พ.ศ. 2440 ได้ย้ายเมืองมาตั้งยังที่เป็นศาลากลางจังหวัดในปัจจุบัน | ||||||||||||||||||||||||||||||||||
อาณาเขตและการปกครอง : | ||||||||||||||||||||||||||||||||||
ทิศเหนือ ติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี | ||||||||||||||||||||||||||||||||||
ราชบุรี มีเนื้อที่ทั้งสิ้นประมาณ 5,196.462 ตารางกิโลเมตร และแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 9 อำเภอ ดังนี้ คือ อำเภอเมืองราชบุรี อำเภอโพธาราม อำเภอดำเนินสะดวก อำเภอปากท่อ อำเภอจอมบึง อำเภอบางแพ อำเภอวัดเพลง อำเภอสวนผึ้ง และอำเภอบ้านโป่ง | ||||||||||||||||||||||||||||||||||
ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอต่าง ๆ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||
- อำเภอวัดเพลง 15 กิโลเมตร - อำเภอปากท่อ 22 กิโลเมตร - อำเภอบางแพ 22 กิโลเมตร - อำเภอโพธาราม 26 กิโลเมตร - อำเภอจอมบึง 30 กิโลเมตร - อำเภอบ้านโป่ง 42 กิโลเมตร - อำเภอดำเนินสะดวก 50 กิโลเมตร - อำเภอสวนผึ้ง 60 กิโลเมตร | ||||||||||||||||||||||||||||||||||
หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 032) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
จังหวัดเพชรบุรี :: ข้อมูลทั่วไป | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เพชรบุรี เป็นจังหวัดในภาคกลางที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลอ่าวไทย อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เป็นระยะทาง 123 กิโลเมตร เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน โดยมีชื่อปรากฏอยู่ในศิลาจารึกหลักที่หนึ่งสมัยสุโขทัยและมีหลักฐานทาง โบราณคดี ซึ่งมีอายุย้อนไปถึงสมัยขอมและสมัยทวารวดี ทั้งยังเคยเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญชั้นเมืองลูกหลวงในสมัยอยุธยา | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประวัติและความเป็นมา | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เพชรบุรี เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ นับเนื่องไปได้เป็นพันปี จากหลักฐานทางโบราณคดี ที่บ่งว่าเคยมีคนอาศัยอยู่ เป็นชุมชนถาวรนั้น มีอายุย้อนไปถึงยุคทวารวดีเลยทีเดียว ในยุคที่ขอมเรืองอำนาจ อยู่ในดินแดนบางส่วนที่เป็นประเทศไทยในปัจจุบันนี้ คือ ในราว 800 ปีมาแล้วนั้น มีจารึกพระขรรค์ ที่กล่าวถึงเมืองเมืองหนึ่ง ที่ชื่อว่า "ศรีวิชัยวัชรปุระ" เมืองนี้ นักวิชาการหลายท่านเชื่อว่า หมายถึงเมืองเพชรบุรี ด้วยเหตุที่คำว่า วัชรปุระ นั้น เมื่อแผลงอักษร ว เป็น พ ก็จะได้เป็นพัชร หรือ เพชร และ ปุระกับบุรี ก็มีความหมายเหมือนกัน ดังนั้น วัชรปุระ กับ เพชรบุรี ก็คือ คำคำเดียวกันนั่นเอง ชื่อเมืองเพชรบุรีนี้ จะมีที่มาจากอะไรหรือ มีความหมายเกี่ยวเนื่องมาจากสิ่งใดไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ชื่อ เพชรบุรี นั้น ก็ปรากฎหลักฐาน เป็นลายลักษณ์อักษรว่ามีใช้ในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกันกับชื่อ วัชรปุระ โดยมีกล่าวถึงในจารึกสมัยสุโขทัย อายุกว่า 700 ปีมาแล้ว เป็นเรื่องราวการเดินทางของเชื้อพระวงศ์กษัตริย์สุโขทัยพระองค์หนึ่ง จากศรีลังกา กลับมายังสุโขทัย ในจารึกกล่าวว่า เมื่อขึ้นบกที่เมืองตะนาวศรีแล้ว ท่านได้เดินทางผ่านเพชรบุรี ราชบุรี และอยุธยา เพื่อจะกลับไปยังสุโขทัย ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา เพชรบุรี มีความเกี่ยวข้องกับตำนานของปฐมกษัตริย์แห่งอยุธยาว่า พระเจ้าอู่ทองนั้น เคยครองเมืองเพชรบุรีมาก่อน แต่ข้อเท็จจริงประการหนึ่งในประวัติศาสตร์ ก็คือ ตลอดสมัยอาณาจักรอยุธยา ซึ่งมีศึกสงครามรบพุ่ง กับรัฐหรือ อาณาจักรใกล้เคียงอยู่แทบจะไม่ว่างเว้นนั้น เพชรบุรี เป็นหัวเมืองสำคัญอย่างยิ่งในสองสถานะ สถานะแรกคือ เป็นแหล่งสะสมเสบียงอาหาร เนื่องจากสภาพภูมิประเทศของเพชรบุรี มีพื้นที่ราบลุ่ม ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูก ทำนา ที่อุดมสมบูรณ์ยิ่ง สถานะที่สอง คือ เป็นเมืองที่มีชัยภูมิดี ทั้งทางบกและทางทะเล ในยามศึก เพชรบุรี เป็นเมืองหน้าด่านทางใต้ ที่สำคัญของอาณาจักรอยุธยา เมื่อพม่ายกทัพมาทางบก โดยใช้เส้นทางช่องสิงขรด้านใต้ ในยามสงบ เพชรบุรี มีฐานะเป็นเมืองหน้าด่าน ที่ช่วยดูแลหัวเมืองปักษ์ใต้ชายทะเล เพชรบุรี คงดำรงสถานะหัวเมืองสำคัญเช่นนี้ สืบมาจนล่วงเข้าสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ อังกฤษ เข้ายึดครองพม่า ทำให้การสงครามระหว่างพม่า กับไทย ยุติลงอย่างสิ้นเชิง บทบาทหัวเมืองหน้าด่านของ เพชรบุรี จึงเปลี่ยนแปลงไปนับแต่นั้นมา ในสมัยต่อมา เพชรบุรี ยังคงมีชื่อปรากฎเกี่ยวข้องอยู่กับประวัติศาสตร์ไทยอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวเนื่องด้วย พระมหากษัตริย์ แต่ความสำคัญของเมืองเพชร กลับกลายจากเมืองทางยุทธศาสตร์ มาเป็นเมืองที่ประทับ ในการเสด็จแปรพระราชฐาน ของพระมหากษัตริย์ ถึงสามรัชกาลติดต่อกัน คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ร่องรอยที่เป็นนามธรรม และรูปธรรม ที่ยังคงเหลืออยู่ ได้แก่ ความทรงจำที่เล่าขานกันสืบมา อย่างภาคภูมิใจ ในหมู่ชาวเมืองเพชร และพระราชวังสำคัญสามแห่ง คือ พระนครคีรี พระรามราชนิเวศน์ และพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ที่ยังคงอยู่คู่เมืองเพชรบุรีสืบมา | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
อาณาเขต | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม และอำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 032) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
" ราชธานีเก่า อู่ข้าวอู่น้ำ เลิศล้ำกานท์กวี คนดีศรีอยุธยา " | ||||||||||||||||||||
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ อยุธยา ” ตั้งอยู่ในภาคกลาง เป็นเมืองหลวงเก่าของไทย สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1893 โดยสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง หรือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ในเวลา 417 ปีที่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี มีกษัตริย์ปกครอง 33 พระองค์ (ไม่รวมขุนวรวงศาธิราช) จาก 5 ราชวงศ์ คือ ราชวงศ์อู่ทอง ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ราชวงศ์สุโขทัย ราชวงศ์ปราสาททอง และราชวงศ์บ้านพลูหลวง นับเป็นราชธานีของไทย ที่มีอายุยืนยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่อยู่ในดินแดนแหลมทองแห่งนี้ | ||||||||||||||||||||
อยุธยา มีพื้นที่เป็นที่ลุ่ม มีแม่น้ำสายใหญ่คือ แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำลพบุรีและแม่น้ำเจ้าพระยา ไหลมาบรรจบกัน ในลักษณะล้อมรอบผืนแผ่นดินส่วนใหญ่ของตัวเมืองไว้ ตัวจังหวัดจึงเป็นเกาะ ที่มีบ้านเรือนปลูกเรียงรายหนาแน่น ตามสองข้างฝั่งแม่น้ำ | ||||||||||||||||||||
อาณาเขตและการปกครอง : | ||||||||||||||||||||
อยุธยา อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 76 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 2,556.6 ตารางกิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดต่างๆ ดังนี้ | ||||||||||||||||||||
ทิศเหนือ จดจังหวัดลพบุรี อ่างทอง และ สระบุรี ทิศใต้ จดจังหวัดปทุมธานี และ นนทบุรี ทิศตะวันออก จดจังหวัดสระบุรี ทิศตะวันตก จดจังหวัดสุพรรณบุรี | ||||||||||||||||||||
อยุธยา แบ่งการปกครองออกเป็น 16 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอนครหลวง อำเภอภาชี อำเภอบ้านแพรก อำเภอบางซ้าย อำเภอบางไทร อำเภอลาดบัวหลวง อำเภอบางบาล อำเภอมหาราช อำเภอบางปะหัน อำเภอเสนา อำเภออุทัย อำเภอบางปะอิน อำเภอผักไห่ อำเภอท่าเรือ และอำเภอวังน้อย | ||||||||||||||||||||
ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอต่างๆ : | ||||||||||||||||||||
อำเภอท่าเรือ ระยะทาง 60 กิโลเมตร อำเภอนครหลวง ระยะทาง 20 กิโลเมตร อำเภอบางไทร ระยะทาง 45 กิโลเมตร อำเภอบางบาล ระยะทาง 10 กิโลเมตร อำเภอบางปะอิน ระยะทาง 17 กิโลเมตร อำเภอบางปะหัน ระยะทาง 13 กิโลเมตร อำเภอผักไห่ ระยะทาง 29 กิโลเมตร อำเภอภาชี ระยะทาง 35 กิโลเมตร อำเภอลาดบัวหลวง ระยะทาง 65 กิโลเมตร อำเภอวังน้อย ระยะทาง 20 กิโลเมตร อำเภอเสนา ระยะทาง 20 กิโลเมตร อำเภอบางซ้าย ระยะทาง 34 กิโลเมตร อำเภออุทัย ระยะทาง 15 กิโลเมตร อำเภอมหาราช ระยะทาง 25 กิโลเมตร อำเภอบ้านแพรก ระยะทาง 53 กิโลเมตร | ||||||||||||||||||||
ระยะทางจากจังหวัดอยุธยาไปยังจังหวัดใกล้เคียง | ||||||||||||||||||||
- กรุงเทพฯ ระยะทาง 76 กิโลเมตร - สระบุรี ระยะทาง 63 กิโลเมตร - สุพรรณบุรี ระยะทาง 53 กิโลเมตร | ||||||||||||||||||||
หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 035) | ||||||||||||||||||||
|
" ศรีมหาโพธิคู่บ้าน ไผ่ตงหวานคู่เมือง ผลไม้ลือเลื่อง เขตเมืองทวารวดี " | ||||||||||||||||||||||||||
ปราจีนบุรี เป็นจังหวัดชายแดนอยู่ทางทิศด้านตะวันออก ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 135 กิโลเมตร มีเนื้อที่ทั้งสิ้นประมาณ 4,762 ตารางกิโลเมตร เคยเป็นดินแดนที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยทวารวดี และต่อเนื่องมาจนถึงสมัยลพบุรี ประมาณ 800 ปี ก่อนปรากฏหลักฐานเป็นซากเมืองโบราณที่เรียกว่า “เมืองศรีมโหสถ” ที่ตำบลโคกปีบ อำเภอศรีมโหสถ และทางด้านทิศตะวันออกของเมืองศรีมโหสถ ที่บริเวณบ้านโคกขวาง อำเภอศรีมหาโพธิ ยังมีชุมชนโบราณมีอายุร่วมสมัยเดียวกันกับเมืองศรีมโหสถอีกด้วย บริเวณซากเมืองโบราณเหล่านี้มีซากโบราณสถานซึ่งใช้ประกอบพิธีกรรม ศาสนกิจ และโบราณวัตถุ ได้แก่ พระพุทธรูป เทวรูป เครื่องปั้นดินเผา เครื่องสำริด ซึ่งเป็นเครื่องมือ และเครื่องใช้กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป | ||||||||||||||||||||||||||
ต่อ มาศูนย์กลางความเจริญได้ย้ายมาตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกงดังเช่นปัจจุบัน ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เรียกว่า “เมืองปราจีน” ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นก็ยังเรียกว่า “เมืองปราจิณ” หรือ “มณฑลปราจิณ” จวบจนในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดระเบียบการปกครองแผ่นดินตามแบบต่างประเทศ และมณฑลปราจิณได้ถูกยุบเลิก คงมีฐานะเป็นเพียง หัวเมืองเมืองหนึ่ง ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนคำว่า “เมือง” เป็น “จังหวัด” จึงมีชื่อเรียกใหม่ว่า จังหวัดปราจีนบุรี | ||||||||||||||||||||||||||
อาณาเขตและการปกครอง : | ||||||||||||||||||||||||||
ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดนครราชสีมา ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดฉะเชิงเทรา ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดสระแก้ว ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดนครนายก | ||||||||||||||||||||||||||
จังหวัด ปราจีนบุรีแบ่งการปกครองออกเป็น 7 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอบ้านสร้าง อำเภอ ประจันตคาม อำเภอศรีมโหสถ อำเภอศรีมหาโพธิ อำเภอกบินทร์บุรี และอำเภอนาดี | ||||||||||||||||||||||||||
ระยะทางจากอำเภอเมืองปราจีนบุรีไปยังอำเภอต่าง ๆ | ||||||||||||||||||||||||||
อำเภอบ้านสร้าง 20 กิโลเมตร อำเภอศรีมโหสถ 20 กิโลเมตร อำเภอศรีมหาโพธิ 21 กิโลเมตร อำเภอประจันตคาม 30 กิโลเมตร อำเภอกบินทร์บุรี 60 กิโลเมตร อำเภอนาดี 78 กิโลเมตร | ||||||||||||||||||||||||||
ระยะทางจากจังหวัดปราจีนบุรีไปยังจังหวัดใกล้เคียง | ||||||||||||||||||||||||||
นครนายก 29 กิโลเมตร ฉะเชิงเทรา 76 กิโลเมตร สระแก้ว 98 กิโลเมตร ระยอง 186 กิโลเมตร นครราชสีมา 194 กิโลเมตร จันทบุรี 245 กิโลเมตร | ||||||||||||||||||||||||||
นอกจากนั้นที่บริเวณสี่แยกเนินหอมมีรถโดยสารประจำทาง หรือจะเช่ารถไปยังแก่งหินเพิง หรือน้ำตกต่าง ๆ และสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ได้ | ||||||||||||||||||||||||||
หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 037) | ||||||||||||||||||||||||||
|
"เมืองทองเนื้อเก้า มะพร้าว สัปปะรด สวยสด หาด เขา ถ้ำ งามล้ำน้ำใจ" | ||||||||||||||||||||||||||||||||||
" สัปปะรดหวาน น้ำตาลขาว มะพร้าวหอม น้ำผึ้งเดือนห้า น้ำปลากลมกล่อม น้ำทะเลใส น้ำใจโอบอ้อมอารี " | ||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประจวบ คีรีขันธ์เป็นจังหวัดในภาคกลางตอนล่างซึ่งมีเขตแดนติดต่อกับภาคใต้จากหลัก ฐานทางประวัติศาสตร์ ประจวบคีรีขันธ์ เคยเป็นที่ตั้งของเมืองนารัง สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี แต่ได้ร้างไปเมื่อครั้งกรุงแตก ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ได้ตั้งเมืองขึ้นใหม่ที่ปากคลองอีรม ชื่อว่าเมืองบางนางรม และในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้รวมเมืองบางนางรม เมืองกุย และเมืองคลองวาฬเป็นเมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งแปลว่าเมืองที่มีภูเขาเป็นหมู่ ๆ โดยมีที่ว่าการเมืองอยู่ที่เมืองกุย จนกระทั่ง พ.ศ.2441 จึงย้ายที่ว่าการมาอยู่ที่อ่าวเกาะหลักหรืออ่าวประจวบ ซึ่งเป็นที่ตั้งของตัวเมืองประจวบคีรีขันธ์ในปัจจุบัน | ||||||||||||||||||||||||||||||||||
อาณาเขตและการปกครอง : | ||||||||||||||||||||||||||||||||||
ทิศเหนือ จดจังหวัดเพชรบุรี ทิศใต้ จดจังหวัดชุมพร ทิศตะวันออก จดอ่าวไทย ทิศตะวันตก จดประเทศพม่า โดยมีเทือกเขาตะนาวศรีเป็น เส้นกั้นพรมแดน | ||||||||||||||||||||||||||||||||||
จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ มีพื้นที่รวมทั้งหมด 6,367.620 ตารางกิโลเมตร ซึ่งมีลักษณะพื้นที่แคบ เป็นคาบสมุทรยาวลงไปทางใต้ โดยมีส่วนที่แคบที่สุดจากเขตแดนไทย-พม่า จนถึงฝั่งทะเลเป็นระยะทาง 11 กิโลเมตร และมีความยาวจากเหนือจดใต้เป็นระยะทาง 212 กิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 7 อำเภอ และ 1 กิ่งอำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี อำเภอกุยบุรี อำเภอทับสะแก อำเภอบางสะพาน อำเภอบางสะพานน้อย และกิ่งอำเภอสามร้อยยอด | ||||||||||||||||||||||||||||||||||
ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอต่าง ๆ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||
อำเภอเมือง-อำเภอกุยบุรี 30 กิโลเมตร อำเภอเมือง-อำเภอทับสะแก 42 กิโลเมตร อำเภอเมือง-อำเภอปราณบุรี 57 กิโลเมตร อำเภอเมือง-อำเภอบางสะพาน 75 กิโลเมตร อำเภอเมือง-อำเภอหัวหิน 90 กิโลเมตร อำเภอเมือง-อำเภอบางสะพานน้อย 112 กิโลเมตร อำเภอเมือง-อำเภอกิ่งอำเภอสามร้อยยอด 45 กิโลเมตร | ||||||||||||||||||||||||||||||||||
หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 032) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
" เมืองก๋วยเตี๋ยวเรือ กุ้งเต้น ส้มเขียวหวาน ลอนตาลสด " | ||||||||||||||||||||||||
จังหวัด ปทุมธานี เป็นจังหวัดในภาคกลางของประเทศไทย มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน ตัวเมืองอยู่ห่างกรุงเทพฯประมาณ 46 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 1,565.856 ตารางกิโลเมตร แบ่งเขตการปกครองเป็น 7 อำเภอ คือ อำเภอเมืองปทุมธานี อำเภอสามโคก อำเภอลาดหลุมเเก้ว อำเภอธัญบุรี อำเภอหนองเสือ อำเภอคลองหลวง และอำเภอลำลูกกา | ||||||||||||||||||||||||
พื้นที่ ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มอันอุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านใจกลางจังหวัด ในเขตอำเภอเมืองและอำเภอสามโคก มีลำคลองธรรมชาติและคลองชลประทานหลายสาย เช่น คลองควาย คลองเชียงรากน้อย คลองบางเตย คลองบางโพธิ์ คลองแม่น้ำอ้อม คลองบางหลวง คลองรังสิตประยูรศักดิ์ คลองรพีพัฒน์ คลองหกวา ฯลฯ | ||||||||||||||||||||||||
จังหวัด ปทุมธานีเดิมชื่อ “เมืองสามโคก” เป็นเมืองที่ตั้งมาตั้งแต่ สมัยกรุงศรีอยุธยา ในแผ่นดินของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง เมื่อปี พ.ศ. 2175 มาในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้โปรดเกล้าฯ ให้ครอบครัวมอญที่ถูกอพยพต้อนมาจากเมืองเมาะตะมะ ไปทำมาหากิน ที่บ้านสามโคกนี้ ใกล้กับวัดสิงห์ เขตอำเภอสามโคกปัจจุบัน ในปัจจุบันยังมีโคกดินโบราณสำหรับเผาโอ่ง อ่างของชาวมอญในสมัยโบราณเหลืออยู่เพียง 2 โคก การอพยพชาวมอญ มาอยู่ที่เมืองนี้ ยังมีในสมัยของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี (พ.ศ. 2317) และพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (พ.ศ. 2358) ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยนั้น พระองค์ได้เสด็จประพาสเมืองสามโคก ได้มีพสกนิกรจำนวนมากสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ นำดอกบัวหลวงขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายอย่างเนืองแน่น จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามเมืองใหม่เพื่อให้เป็นสิริมงคลว่า “ประทุมธานี” และต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเปลี่ยนการสะกดนามจังหวัดเป็น “ปทุมธานี” | ||||||||||||||||||||||||
อาณาเขต : | ||||||||||||||||||||||||
ทิศเหนือ ติดกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และสระบุรี ทิศใต้ ติดกับจังหวัดนนทบุรี และกรุงเทพมหานคร ทิศตะวันออก ติดกับจังหวัดนครนายก และฉะเชิงเทรา ทิศตะวันตก ติดกับจังหวัดนนทบุรี | ||||||||||||||||||||||||
หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 02) | ||||||||||||||||||||||||
|
" พระตำหนักสง่างาม ลือนามสวนสมเด็จ เกาะเกร็ดแหล่งดินเผา วัดเก่านามระบือ เลื่องลือทุเรียนนนท์ งามน่ายลศูนย์ราชการ " | ||||||||||||||||||||
จังหวัดนนทบุรี ตั้งอยู่ในภาคกลางเป็นจังหวัดหนึ่งใน 5 จังหวัดปริมณฑล คือ นนทบุรีสมุทรปราการ นครปฐม สมุทรสาคร และปทุมธานี มีเนื้อที่ประมาณ 622 ตารางกิโลเมตร มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่า และแบ่งพื้นที่ของจังหวัดออกเป็น 2 ส่วน ขนาดของจังหวัดเมื่อเปรียบเทียบกับจังหวัดในภาคกลางแล้ว มีขนาดเกือบจะเล็กที่สุดยกเว้นจังหวัดสมุทรสงคราม | ||||||||||||||||||||
เมือง นนทบุรีมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 400 ปี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีคูคลองน้อยใหญ่มากมาย มีเนื้อที่ประมาณ 622.303 ตารางกิโลเมตร เป็นเมืองเก่าแก่ สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เดิมตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านตลาดขวัญ ซึ่งเป็นสวนผลไม้ที่ขึ้นชื่อในสมัยนั้น ได้รับการยกฐานะเป็นเมืองนนทบุรี เมื่อ พ.ศ. 2092 รัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ต่อมาในปี พ.ศ. 2179 พระเจ้าปราสาททองโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองลัดตอนใต้วัดท้ายเมืองไปทะลุวัดเขมา เพราะเดิมนั้น แม่น้ำเจ้าพระยาไหลวกเข้าแม่น้ำอ้อมมาทางบางใหญ่วกเข้าคลองบางกรวยข้างวัดชล อ มาออกหน้าวัดเขมา เมื่อขุดคลองลัดแล้ว แม่น้ำก็เปลี่ยนทางเดินไหลเข้าคลองลัดที่ขุดใหม่ กลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาใหม่ดังปัจจุบันนี้ เมื่อ พ.ศ. 2208 สมเด็จพระนารายณ์ทรงเห็นว่า แม่น้ำเปลี่ยนทางเดินใหม่นั้น ทำให้ข้าศึกประชิดพระนครได้ง่าย จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างป้อมปราการตรงปากแม่น้ำอ้อม และโปรดฯ ให้ย้ายเมืองนนทบุรีมาอยู่ปากแม่น้ำอ้อมด้วย ยังมีศาลหลักเมืองปรากฏอยู่ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 แห่ง กรุงรัตนโกสินทร์ โปรดฯ ให้ย้ายเมืองนนทบุรี ไปตั้งที่ปากคลองบางซื่อบ้านตลาดขวัญ และในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดฯ ให้ตั้งศาลากลางเมือง ขึ้นที่ปากคลองบางซื่อ ฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยา จนถึงปี พ.ศ. 2471 รัชกาลที่ 7 ทรงโปรดฯ ให้ย้ายศาลากลางมาตั้งที่ราชวิทยาลัย บ้านบางขวาง ตำบลบางตะนาวศรี ปัจจุบันเป็นที่ตั้งกองฝึกอบรม กระทรวงมหาดไทย ตั้งอยู่บนถนนประชาราษฎร์ สาย 1 อำเภอเมือง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปตามอาคารประดับด้วยไม้ฉลุ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา กรมศิลปากรได้ขึ้นบัญชีเป็นโบราณสถานแห่งหนึ่ง และในปัจจุบันศาลากลางจังหวัดนนทบุรี ได้ย้ายที่ทำการมาอยู่ที่ถนนรัตนาธิเบศร์ | ||||||||||||||||||||
อาณาเขตและการปกครอง : | ||||||||||||||||||||
ทิศเหนือ ติดจังหวัดปุทมธานี และพระนครศรีอยุธยา ทิศใต้ ติดกรุงเทพมหานคร ทิศตะวันออก ติดกรุงเทพมหานคร และจังหวัดปทุมธานี ทิศตะวันตก ติดจังหวัดนครปฐม | ||||||||||||||||||||
แบ่งเขตการปกครองออกเป็น อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด อำเภอบางกรวย อำเภอบางใหญ่ อำเภอบางบัวทอง อำเภอไทรน้อย | ||||||||||||||||||||
หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ (รหัสทางไกล 02) | ||||||||||||||||||||
|